Friday, June 29, 2007

เห็น (SEE)

เหล่านี้คือรูปที่เลือกมาบางส่วน
(บางมากๆ ) เพราะเลือกมาแค่ 12 รูป
จาก 150 รูปที่จัดแสดงไปแล้วที่บางกอก

แจ้งคร่าวๆ พอได้ว่า
ทั้งหมดเป็นรูปถ่ายเล่น (แต่เอาจริงนะ)
ที่ถ่ายไว้ตลอดหนึ่งปี ตั้งแต่มาอยู่ที่เชียงใหม่
วันนี้ ถือโอกาสเอามาแบ่ง เผื่อเพื่อนฝูงญาติมิตร
จะได้เห็นว่าเรา 'เห็น' อะไรบ้าง ตลอดหนึ่งปี

ส่วนงานแสดงที่เชียงใหม่ กำลังอยู่ในระหว่างดำเนินการ
เตรียมรูปเพิ่ม เรียบเรียงใหม่ แล้วก็หาที่ทาง
มีข่าวคืบหน้าอย่างไร จะรีบดำเนินการให้ทราบทันที
ดูรูปที่นี่ไปพลางๆ ก่อน
ทำขนาดไฟล์มาไม่ใหญ่ ดูเล็กๆ กำลังงาม
เผื่อช่วยให้ตัดสินใจง่ายขึ้นว่าอาจจะไม่อยากมาดูรูปที่เหลือก็ได้
ฮ่า ฮ่า
ขอบคุณมาก ^^



Tuesday, June 19, 2007

ทะลุหูขวา (2) : Sean Lennon



ทะลุหูขวา
text and artwork by วชิรา

ตีพิมพ์ครั้งแรกในนิตยสาร HIP ฉบับเดือนมิถุนายน 2550
Special thanks to NOKIA 5700 XpressMusic

SEAN LENNON
เป็นบุตรชายของ John Lennon และ Yoko Ono
ว่ากันว่าเขามีชื่อเสียงตั้งแต่อยู่ในท้องแม่
และเป็นธรรมดาของบรรดาลูกหลานของคนมีชื่อเสียงทั้งหลาย
ที่ต้องรับแรงกดดันที่มองไม่เห็น
โดยเฉพาะเมื่อต้องเดินร่วมเส้นทางเดียวกันกับบิดามารดา

ในโลกดนตรี Sean เลือกที่จะวางตัวเองไว้ระหว่าง
ดนตรีป็อปและดนตรีทดลอง (experimental)
คล้ายๆ กับ Beastie Boy, Beck หรือ Cibo Matto (ญี่ปุ่น)
ที่เดินล่วงหน้าอยู่ก่อน
Sean เริ่มชีวิตนักดนตรีจริงจังด้วยการผลักดัน Yoko ผู้เป็นแม่
ให้กลับคืนสู่เวทีอีกครั้ง เขาตั้งวงดนตรีร็อคสามชิ้นขึ้นมาสนับสนุน
ในชื่อ IMA ช่วงนั้นเองที่เขาได้พบกับ Yuka Honda
แห่ง Cibo Matto และตระเวณออกทัวร์กับ Cibo Matto
ในฐานะมือเบสและคนรัก (ในขณะนั้น) ของ Yuka
(ถ้าดูเครดิตในอัลบั้ม แดดส่อง ของ moderndog
ก็จะพบชื่อ Yuka Honda ด้วยเช่นกัน)

Sean ออกอัลบั้มแรก Into the Sun ในปี 1998
ก่อนหน้านั้นไม่นานเขาได้สัมภาษณ์กับ The New Yorker ว่า
พ่อของเขาถูกฆาตกรรมโดยรัฐบาลอเมริกัน!
บทสัมภาษณ์นั้นทำให้เขาถูกจับตามองมากกว่าธรรมดา

แปดปีต่อมา อัลบั้ม Friendly Fire ก็ปรากฏสู่สายตาประชาชน
Sean อธิบายว่าเพลงทั้งหมดได้แรงบันดาลใจมาจากชีวิตส่วนตัวของเขา
เป็นความหายนะที่โรแมนติก
เมื่อคนรักของเขา (ไม่ใช่ Yuka!) หลับนอนกับเพื่อนรักของตัวเอง
ทั้งคู่เลิกรากัน
เพื่อนรักคนนั้นเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุมอร์เตอร์ไซค์
ก่อนที่ Sean จะมีโอกาสเปิดอกในเรื่องนี้
และเป็นที่มาของชื่อ Friendly Fire
ติดตามเพิ่มเติมได้ที่ www.seanlennon.com

(LYRIC)
PARACHUTE


LOVE IS LIKE AN AERO PLANE
YOU JUMP AND THEN YOU PRAY
THE LUCKY ONES REMAIN
IN THE CLOUDS FOR DAYS
IF LIFE IS JUST A STAGE
LET’S PUT ON THE BEST SHOW
AND LET EVERYONE KNOW

CAUSE IF I HAVE TO DIE TONIGHT
I'D RATHER BE WITH YOU
CUT THE PARACHUTE BEFORE WE DIVE
BABY DON’T YOU CRY
YOU HAVE TO BRING ME DOWN
WE HAD SOME FUN BEFORE WE HIT THE GROUND

LOVE IS LIKE A HURRICANE
YOU KNOW IT’S ON THE WAY
YOU THINK YOU CAN BE BRAVE
UNDERNEATH THE WAVES
IF LIFE IS JUST A DREAM
WHICH ONE OF US IS DREAMING
AND WHO WILL WAKE UP SCREAMING


CAUSE IF I HAVE TO DIE TONIGHT
I'D RATHER BE WITH YOU
CUT THE PARACHUTE BEFORE WE DIVE
BABY DON’T YOU CRY
YOU HAVE TO BRING ME DOWN
WE HAD SOME FUN BEFORE WE HIT THE GROUND

CAUSE IF I HAVE TO DIE TONIGHT
I'D RATHER IT WAS YOU
CUT THE PARACHUTE BEFORE THE DIVE
BABY DON’T YOU CRY YOU HAVE TO BRING ME DOWN
WE HAD SOME FUN BEFORE WE HIT THE GROUND

(ESSAY)

ผมยังไม่เคยร่วงลงจากที่สูง
(ในความหมายของสถานที่ที่อยู่สูงจริงๆ ไม่ใช่ในเชิงปรัชญา)
แต่พอเข้าใจได้ว่าภาวะของการอยู่ไกลเหนือพื้นดินนั้นไม่น่าพิศมัยนัก
โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่เป็นโรคหวาดกลัวความสูง
ยิ่งถ้ามีเหตุจำเป็นบังคับให้ต้องแขวนชีวิตอยู่บนนั้น

แต่จะว่าไป ที่จริงเราอาจไม่ได้หวาดกลัว ‘ความสูง’
แต่กลัวการ ‘ร่วง’ ลงมาต่างหาก
เพราะถ้ามีใครสักคนอุตริรับประกันการหล่นให้เราได้
ก็ไม่มีเหตุผลใดๆ อีกที่จะต้องกลัว
ไม่ร่วง ไม่ตก ไม่เจ็บ
เป็นไปได้หรือไม่ว่ามนุษย์เรานั้นกลัว ‘ความเจ็บ’ มากกว่าอื่นใดทั้งหมด
น่าเสียดายที่ไม่เคยมีโอกาสถามไถ่ บรรดาคนที่มีเหตุให้ต้องร่วงลงมา
จากที่สูงโดยไม่มีอุปกรณ์ช่วยเหลือประคับประคอง
ว่าระหว่างทางก่อนถึงพื้นดินนั้นเกิดอะไรขึ้นในความคิดของพวกเขาบ้าง

แต่ไม่ว่าจะอย่างไร เขาเหล่านั้นล้วนไม่มีโอกาสเปลี่ยนแปลงใดๆ
ทุกสิ่งเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ร่วงหล่น และ ดับไป ภายในเวลาพริบตา
ไม่มีโอกาสแก้ตัว
........

ในบรรดาทุกๆ ‘ความ’ ที่เกี่ยวข้องกับชีวิต
ความรักน่าจะเป็นเรื่องยอดนิยมมากที่สุด
แม้ว่าความหิวและความอิ่มจะเป็นสาระสำคัญอันดับต้นๆ
ของการมีชีวิตอยู่ก็ตามที
เราส่วนใหญ่จึงก้มหน้าก้มตาทำมาหากินให้ท้องอิ่ม
เพื่อที่จะใช้เวลาส่วนที่เหลือจินตนาการถึงความรักในแบบที่เราต้องการ
(ยกเว้นบางคนที่โลภกว่าคนอื่น จึงเบี่ยงเวลาบางส่วนไว้หาสิ่งของเข้าท้องไม่สิ้นสุด)

ผลพวงจากความยอดนิยม
ความรักจึงเป็น ‘ความ’ ที่ถูกนิยามด้วยความหมายอื่นมากที่สุดอีกด้วย
ความรักคือความเข้าใจ คือการดูแล คือความอดทน คือการให้
คือความเสียสละ และอีกหลายๆ คือ
น่าแปลกใช่ไหม ที่ความหมายของความรักกลับไม่ใช่ความรักโดยตัวมันเอง
แต่ถูกอธิบายให้กลายเป็นอย่างอื่น

ผมเรียกเอาเองว่าบรรดาคำอธิบายเหล่านั้น
ที่แท้คือทัศนคติที่เรามีต่อความรัก
คล้ายอากาศ เมื่อมองไม่เห็น เราจึงต้องพยายามดิ้นรนค้นหาอธิบาย
จนเมื่อพบคำอธิบาย เราก็สบายใจ
ความรักจึงเป็นความรักโดยตัวมันเองไม่ได้ แต่ต้องเป็นอะไรสักอย่างที่เราพอเข้าใจ
อย่างน้อย ก็เพื่อใช้กำกับพฤติกรรมต่างๆ นานา ที่เกี่ยวข้องกับความรักนั้น
อันเป็นพฤติกรรมที่สะท้อนความอ่อนแอขั้นสุดของมวลมนุษยชาติ
จะมีอะไรเปราะบางกว่านี้อีก
การปล่อยให้ตัวเองดื่มดำ อิ่มเอม สนุกสนาน
หรือทนทุกข์ทรมานกับอะไรสักอย่าง ยกตัวอย่างเช่น ความรัก
จะทำให้เราเคว้งคว้าง ไม่พบคำตอบ ไม่พบจุดหมาย
คล้ายลอยคอในทะเลลึกยามค่ำ ไม่เห็นฝั่ง ไม่รู้ทิศทาง
และในที่สุด เราก็พ่ายแพ้ ด้วยการแสดงออกว่าเราชนะ
แสดงความเป็นเจ้าของ มีอำนาจเหนือ
และพยายามใช้อำนาจนั้นประคับประคองตัวเราให้ดำรงอยู่
เชิดหน้าชูตา แทนที่จะพยายามทำความเข้าใจสภาวะที่ไม่สามารถอธิบายได้นั้น
เรากลับผลักไสมันออกไป ยิ่งไกลยิ่งปลอดภัย ยิ่งห่างยิ่งไม่ต้องทรมาน
เป็นความขี้ขลาด อ่อนแอ

เหมือนที่เรากลัวความเจ็บ ไม่ใช่ความสูง
เหมือนที่เราพยายามยึดบางสิ่งบางอย่างไว้กับตัวเอง
ประกาศอาณาเขต แสดงความเป็นเจ้าของ
และกล่าวโทษทุกอย่างที่ไม่ดำเนินไปตามความต้องการของเรา
การปล่อยให้ชีวิตดำเนินไปอย่างอิสระ เป็นความยากลำบากแสนสาหัส
เพียงเพราะเราต้องการคำตอบ

การอยู่เฉยๆ ยอมรับและพยายามทำความเข้าใจความเจ็บปวดของชีวิตนั้น
นับเป็นความกล้าหาญอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
และถึงที่สุดแล้ว เราอาจค้นพบว่า เราไม่ได้เปราะบางอย่างทิ่คิด

แม้ระยะทางจากท้องฟ้าถึงพื้นดินของแต่ละคนอาจไม่เท่ากัน
แต่ไม่วันใดก็วันหนึ่ง เราต้องตกลงมาอยู่ดี
ไม่มีใครลอยคว้างอยู่กลางฟ้าได้ตลอดกาล
คำถาม-ถ้าคุณต้องจบชีวิตลงภายในคืนนี้ คุณจะทำอะไร?
คำตอบ-ทำใจ
เพราะมันคือสิ่งเดียวกัน

Tuesday, June 12, 2007

FALL ON DEAF EARS: JUNE 2007



จดหมายข่าวของเดือนมิถุนา ข้อความเป็นดังนี้

สวัสดีเดือนมิถุนา ถึงเวลาส่งข่าวอีกครั้ง
และก็ถึงเวลาที่นัดหมายกันไว้เสียที
เดือนนี้พิเศษหน่อย เพราะว่าจัดสองครั้ง
ตามคิวเดิมวางแผนจะจัดครั้งเดียวที่กรุงเทพฯ
เพราะเกรงจะทำไม่ไหว
แต่หลังจากงานเมื่อวันที่ 12 พฤษภาที่ผ่านมา
ก็เลยรู้สึกว่า จะทิ้งชาวเชียงใหม่ไปได้อย่างไร
เลยยอมเหนื่อย (ซึ้ง...) ซึ่งไม่เป็นไร
เห็นทุกคนสนุกสนานเบิกบานก็ดีใจ

แต่...ไหนๆ ก็พิเศษแล้ว เลยจะขอพ่วงความพิเศษขึ้นไปอีก
เนื่องจากว่าช่วงนี้เป็นช่วงเดือนที่มาอยู่เชียงใหม่ครบหนึ่งปีพอดิบพอดี
งานหูที่เชียงใหม่คราวนี้เลยขอจัดเป็น Thai Night! (คืนไทย!!)
หมายความว่าจะเปิดแต่ 'เพลงจากศิลปินไทย' เท่านั้น!!!
สำหรับคนที่ไม่เคยมางาน แอบเล่าให้ฟังนิดนึงว่า
ปกติทุกเดือน เราก็จะเปิดเพลงไทยที่ดีๆ ชอบๆ
แซมๆ อยู่กับเพลงสากลอยู่แล้ว
เพราะเชื่อว่าเพลงไทยที่ดีๆ ก็มีอยู่เยอะ
ทั้งเก่าทั้งใหม่ คราวนี้สบโอกาส
เลยว่าจะลองจัดเป็น 'คืนไทย' สักครั้ง
นัยว่าคืนกำไรให้ชาวเชียงใหม่ ไม่รู้ผลลัพธ์จะออกมาอย่างไร
คงต้องรอติดตาม และถ้าเป็นไปได้
ก็อยากทำ 'คืนไทย' นี่ปีละหนึ่งครั้ง...เท่านั้น!!

ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ใครมีเพลงไทยที่คิดว่าดี
และอยากจะแนะนำสามารถอีเมลกลับมาได้ที่นี่
(iamvajira@hotmail.com) หรือถ้าจะให้ดี
แปะแนะนำไว้ที่บล็อกนี้ก็ได้ จะเป็นพระคุณอย่างมาก

ส่วนงานที่กรุงเทพฯ ก็จะพิเศษกว่าปกติเล็กน้อย
แต่ยังคงเป็นกิจกรรม 'ฟังเพลง' เช่นเดียวกับที่ทำที่เชียงใหม่
(หมายความว่าไม่เน้นเต้นน่ะ!)
ถ้าสังเกตจะเห็นว่าเป็น 'วชิราและเพื่อน'
อันหมายความว่าไม่ได้เปิดคนเดียว แต่จะชวนเพื่อนฝูงพี่น้อง
ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับวงการเพลงโดยตรง
มาร่วมสนุกด้วยกัน เพื่อสนับสนุนการฟังเพลงดี
ที่จริงๆ แล้วสามารถปนเปอยู่ในชีวิตประจำวันของทุกคน
ชักชวนกันมาได้หลายท่านอยู่
ส่วนงานจะออกมาหน้าตาอย่างไรนั้นขอเชิญติดตาม

แถมให้อีกนิด ด้วยนิทรรศการขนาดเล็กมาก
เป็นภาพที่เราถ่ายไว้ตลอดหนึ่งปีที่เชียงใหม่
รายละเอียดจะแจ้งให้ทราบในลำดับต่อไป (ไม่นานหรอก)

ว่าแต่...มากรุงเทพฯ ตามสัญญาแล้วนะ
พ่อแม่พี่น้องชาวกทม.ที่รักทั้งหลาย
อย่าได้พลาดเชียว(เพราะคงไม่ได้มาบ่อยๆ)

จึงสรุปความได้ว่า ทะหูขวาครั้งที่ 8 นี้
จัดวันที่ 9 มิถุนา ที่ขันอาษา เชียงใหม่ เริ่ม 21.00 ตามปกติ
ส่วนวันที่ 15 มิถุนา จัดที่ร้านปลาดิบ ซอยอารีย์ (สะพานควาย)
เริ่ม 21.00 เช่นกัน
และเหมือนทุกครั้ง 19.00 จะฉายดีวีดี
คราวนี้เป็นหนังสั้นประกอบเพลงของ Sean Lennon
ที่มากับในอัลบั้ม Friendly Fire ใครสนใจโปรดติดตาม

ถ้าไม่ลำบาก อยากชวนให้สำรองโต๊ะไว้ก่อน
จะได้นั่งสบายๆ กัน

เชียงใหม่ โทร 086 914 8251
กรุงเทพฯ โทร 02 279 8185

แล้วพบกัน...นะ^^
ขอบคุณ NOKIA ขอบคุณเพื่อนๆ และขอบคุณทุกๆ คน
......................................................................

ถึงวันนี้ 'คืนไทย' ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี
ขลุกขลักตามประสา แต่ก็ชื่นมื่น
ก่อนหน้างานไม่กี่ชั่วโมง ก็เพิ่งรู้ปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์เพลง
ว่า ห้ามเปิดเพลงของค่ายใหญ่สองค่ายนั้น
เพราะอาจโดนจับ
เพิ่งรู้ว่าถ้าร้านไหนจะเปิด ต้องไปจ่ายค่าลิขสิทธิ์รายปีก่อน
เฮ้อ....ไว้ว่างๆ คุยเรื่องนี้กันนะ

กำลังจะถึงงานที่กรุงเทพฯ แล้ว
ตื่นเต้นมาก ^^