Tuesday, May 13, 2008

FALL ON DEAF EARS: MAY 2008


สวัสดี
หายกันไปหนึ่งเดือน หลังจากงาน THANKSGIVING ใน ACTION PARTIES#2 เมื่อต้นเดือนเมษา หวังว่าคงสบายดี

เขียนมาแจ้งข่าวว่าขอ 'งด' งานหู อีกหนึ่งเดือน (พฤษภาคม) เนื่องจากติดภารกิจคั่งค้าง ยังไม่หนีหายไปไหน เสร็จอีกงานเมื่อไหร่ จะรีบกลับมาจัดอีกครั้ง ; )

ช่วงนี้อากาศแปรปรวน เพื่อนๆ เชียงใหม่บ่นว่าฝนมาเร็วไป ยังไม่ถึงเวลาประกอบกับภัยพิบัติในพม่าและจีน ผู้คนล้มตายมากมาย ฟังแล้วก็น่าสะเทือนใจ อยู่กันทางนี้ก็รักษาเนื้อรักษาตัว ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นอีกบ้างยิ่งเห็นสภาพการเมืองยิ่งขนลุก เกรงว่าอนาคตของบ้านเมืองจะไม่สีทองผ่องอำไพเสียแล้ว

เดือนนี้ไม่มีโปสเตอร์ เลยส่งรูปถ่ายจากวิวหลังบ้านมาให้ถ่ายไว้ช่วงวันที่อากาศแปรปรวน พายุเริ่มมา บริเวณที่เห็นหมู่เมฆปกคลุมอยู่นั้น แต่เดิมเห็นเป็นภูเขาขนาดมหึมา

ขอให้สุขภาพแข็งแรง
แล้วพบกัน; )
วชิรา
เชียงใหม่
There will be NO Fall On Deaf Ears in May
sorry ; (
take care and see you guys soon
vajira
CM

Monday, May 12, 2008

Thursday, May 8, 2008

โพรง (2): โปรดติดตามเทศกาลต่อไป


สำหรับท่านที่เข้ามาช่วงสงกรานต์แล้วพบสี่สาวในชุดสไบ
นี้คือที่มา...
^^

โพรง
เรื่องและภาพประกอบ โดย วชิรา

โปรดติดตามเทศกาลต่อไป

เทศกาลสงกรานต์ที่เชียงใหม่นั้น เล่าลือกันว่าสนุกสนานนักหนา ถือเป็นสถานที่อันดับต้นๆ ของประเทศที่ผู้คนจากทั่วทิศหลั่งไหลมาเที่ยวเล่น

สิ่งที่ผมชอบที่สุดเกี่ยวกับเทศกาลไม่ว่าที่ไหน คือการได้เห็นพลังงานของคนจำนวนมากเหนี่ยวแน่นอยู่กับ ‘พื้นที่’ พวกเขาอยู่ ทั้งคนที่พำนักอาศัยเป็นพื้นเพ ทั้งคนที่แวะเวียนมาทักทายชั่วคราว ยิ่งถ้าเป็นเทศกาลจำพวกแห่งชาติหรือแห่งเมือง ก้อนความรู้สึกร่วมของผู้คนยิ่งมีขนาดใหญ่ตามเป็นเงา

หลายครั้งไม่เคยรู้ที่มาของเทศกาลต่างๆ เหล่านั้นด้วยซ้ำ

ความประทับใจบรรยากาศรอบคูเมืองเมื่อครั้งสงกรานต์ปีที่แล้ว (พ.ศ.2550) อันเป็นสงกรานต์แรกอย่างเป็นทางการของผมที่เชียงใหม่ ยังอิ่มเอมไม่รู้ลืม จนทำให้ปีนี้ (พ.ศ.2551) ตั้งใจหนักแน่นว่าจะลองไม่ออกไปเล่นน้ำบ้าง นึกอยากฉวยเวลาให้เป็นช่วงพักผ่อนและเตรียมงานใหม่ในขณะที่ยังอิ่มเอมดีอยู่

จนในคืนวันที่ 11 เมษายน ก่อนวันสงกรานต์จริงสองวัน ผมบังเอิญเห็นภาพแปลกตาตีพิมพ์อยู่ในหน้า SPOTLIGHT (เขียนโดยคุณ Anchalee Kongrut) ของหนังสือพิมพ์ Bangkok Post ฉบับวันที่ 2 เมษายน ซึ่งสันนิษฐานว่ามีคนอ่านแล้ววางทิ้งไว้ในสตูดิโอเล็กๆ ด้านหน้าร้าน See Scape

ภาพนั้นเป็นภาพของนักร้องสาวคณะ Girly Berry ใส่ชุดไทยสไบเฉียง มือคล้องมาลัย
ถือเครื่องหอมและผ้าพับ ขณะที่มุมบนด้านซ้ายมีภาพของนักร้องคณะเดียวกันนี้ใส่กระโปรงสั้นเสื้อรัดโชว์สะดือตามแบบฉบับดั้งเดิมของพวกเธอ พร้อมคำโปรยตัวเบ้อเริ่มว่า ‘Culture clash?’ เนื้อความโดยสังเขปว่าเป็นแคมเปญจากกระทรวงวัฒนธรรมเพื่อรณรงค์และเรียกร้องให้วัยรุ่นไทยแต่งตัว ‘เหมาะสม’ กับการออกไปเล่นน้ำ ขณะเดียวกันก็มีเจ้าหน้าที่และผู้เชี่ยวชาญทางวัฒนธรรมออกมาแสดงความเห็นว่าการใช้ภาพลักษณ์ของ Girly Berry เพื่อโปรโมทการแต่งตัวให้เหมาะสมนั้น ‘เหมาะสม’ จริงหรือ แถมพ่วงด้วยการตั้งคำถามว่าการที่กระทรวงวัฒนธรรมใช้จ่ายเงินทองไปกับแคมเปญ ‘ผิวเผิน’ แบบนี้นั้นเหมาะสมหรือไม่ หรือแท้จริงแล้วควรนำเงินไปใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างอื่นในทางวัฒนธรรมมากกว่า

ผมนั้นไม่ติดขัดใดๆ กับข้อถกเถียง ไม่ขัดตากับ Girly Berry ในเครื่องทรงแบบไทยโบราณ เพราะเห็นว่าแปลกตาและน่า
รักดี ทั้งยังไม่ขัดแย้งกับผู้เชี่ยวชาญทางวัฒนธรรมทุกท่าน เพราะไม่มีความรู้ทางวัฒนธรรมใดๆ ไปถกเถียงด้วย เพียงประทับใจสุดซึ้งกับวิธีคิดที่ออกจากกระบอกเสียงของกระทรวงฯ ว่า “นี่เป็นวิธีประชาสัมพันธ์แบบใหม่ที่ไม่ ‘สั่งสอน’ แต่ใช้วิธี ‘แสดงตัวอย่าง’ ให้เห็น” ตอกย้ำตามมาอีกระลอกว่า “นี่ไม่ใช่เรื่องของการแต่งตัวเท่านั้น แต่เป็นเรื่องการ ‘เปลี่ยนแปลงพฤติกรรม’ ถ้า Girly Berry สามารถเปลี่ยนแปลงได้ วัยรุ่นทั้งหลายก็จะเปลี่ยนตาม”

ช่างเป็นกลยุทธ์ที่แยบคายอะไรเช่นนี้! ผมเปลี่ยนใจในนาทีนั้น เตรียมออกไปสังเกตุการณ์ในวันรุ่งขึ้นด้วยใจระทึก

ผู้คนและนักท่องเที่ยวทั้งหลายคงแต่งตัวสุภาพเรียบร้อย ไม่แน่ วัยรุ่นส่วนใหญ่อาจใส่ชุดไทยออกจากบ้านตามภาพนักร้องในดวงใจของพวกเขา ถนนหนทางคงปราศจากเครื่องดื่มมอมเมา การเล่นน้ำคงละมุนละม่อมอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยใน ‘กรอบประเพณี’ อันดีงาม เสียงดนตรีไทยเดิมคงลอยละล่องผ่านช่องอากาศเข้ากระทบรูหูอย่างพินอบพิเทา

วันรุ่งขึ้น ผมและชาวคณะออกจากละแวกนิมมานเหมินทร์ที่พักอาศัย เดินลัดเลาะผ่านซอยกรรไกรทองไปยังบริเวณด้านหน้ากาดสวนแก้ว อันได้ข่าวเลื่องลือมาจากปีที่แล้วว่าสนุกสนานดีไม่แพ้คูเมือง เราเดินดุ่มกันไปแบบไม่มีอุปกรณ์ ซึ่งอันที่จริงผมก็นึกอยากเล่นน้ำกับคนอื่นเขาบ้าง ถ้าไม่บังเอิญไปเห็นข่าวที่ชาวบ้านทะเลาะกันเรื่องไม่มีน้ำใช้เมื่อหลายวันก่อนในหน้าหนังสือพิมพ์ (จำฉบับไม่ได้แล้ว ขออภัย)

เอาน่า เทศกาลสนุกสนานแห่งชาติ แก้เขินด้วยการเดินเฉยๆ ไม่พกน้ำไปราดคนอื่นก็คงพอได้

เมื่อไปถึงที่หน้า
กาดสวนแก้วผมตกใจแทบสิ้นสติ ที่นั่นผู้คนหนาแน่น (แต่ก็ยังปล่อยให้รถวิ่งอยู่บนถนนทั้งที่แทบจะไม่ขยับเขยื้อนไปไหน!) แต่งตัวเสื้อยืดบ้าง เสื้อกล้ามบ้าง แต่ดูรัดกุมเป็นส่วนใหญ่ (มีบ้างที่ฉวยโอกาสของเทศกาล ‘แสดงออก’ มากกว่าชีวิตประจำวันปกติ) สองฝั่งถนนมีเวทีนับคร่าวๆ ได้สี่เวที ทั้งแบบเล่นดนตรีกันสดๆ และเปิดแผ่น ทั้งแบบมีคนเต้นโชว์และไม่มี บางเวทีมีฟองสบู่ให้เล่น! เพลงที่พวกเขาเล่นและเปิดนั้นล้วนเป็นเพลงฝรั่งคึกคักชวนให้ขยับตัวตาม ทั้งร็อค ป็อป เร็กเก้ แดนซ์ อิเลคโทรฯ หลายเวทีคนเต้นกันมันสุดเหวี่ยงชนิดไม่กลัวน้ำเข้าตา บางเวทีก็คนหรอมแหรม นัยว่ายังไม่ชินกับเพลงล้ำๆ นำสมัย

วัฒนธรรม
ไทยอันงดงามตามแบบที่ทางราชการได้กรอกหูผมไว้นั้น ละลายไปกับสายน้ำแล้วหรือใจนึกอยากกระโดดขึ้นไปบนเวที แย่งไมค์จากนักร้อง ป่าวประกาศถึงวัยรุ่นทั้งหลายที่เปียกปอนอยู่แถวนั้นให้ประพฤติปฏิบัติตัวให้ ‘เหมาะสม’ ตามภาพของ Girly Berry ที่กระทรวงฯ ใช้บอกกล่าว แต่ด้วยความเป็นคนไทยใจขี้อาย ผมจึงได้แต่เดินกลับบ้านด้วยหัวใจที่แหลกสลาย

พลัน
ฉุกคิดถึงเป้าหมายแท้จริงของการออกมาตักเตือนว่าอาจเป็นเรื่อง ความเป็นห่วงเป็นไยในชีวิตและทรัพย์สินของคนที่มาร่วมเล่นน้ำสงกรานต์นอกบ้าน อันเป็นเวลาที่อยู่นอกเหนือการทำบุญ สรงน้ำพระและกราบไหว้ผู้หลักผู้ใหญ่

แต่
ความห่วงไยนั้นเป็นความงดงามน่ารักที่มนุษย์โลกพึงกระทำต่อกันโดยธรรมชาติไม่ใช่หรือ มันไปเกี่ยวข้องเฉพาะเจาะจงกับ ‘ความเป็นไทย’ ได้อย่างไรกัน

ภาพ
สี่สาวสไบเฉียงที่ผมบังเอิญเห็นจึงอาจไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าการฉวยเอา ‘เปลือก’ ปลอมๆ ของ ‘ความเป็นไทย’ ชนิดพร้อมขายให้นักท่องเที่ยว ใส่ห่อเดิมๆ เวลามีเทศกาลสำคัญๆ และนำมาใช้กับวัยรุ่นไทยๆ อย่างเราๆ ที่เห็น Girly Berry ในชุดนุ่งสั้น โชว์สะดือ และเต้นกระดกๆ อยู่ในจอทีวีอยู่ทุกวี่วัน ซึ่งเป็นวิถีชีวิตปกติของพวกเธอ ซึ่งเป็นวิถีชีวิตเดียวกับที่เราพบเห็นเวทีประกวดเทพีต่างๆ นานาที่เด็กตัวเล็กตัวน้อยแต่งหน้าจัดปากแดงสดเต้นบ้าง รำบ้าง โดยมีผู้ปกครองคอยผลักดันอยู่ด้านล่าง

เอา
ล่ะ สำหรับท่านที่พลาดช่วงเวลาสำคัญนี้ไป ไม่ต้องเสียอกเสียใจ เดี๋ยวเปลือกปลอมๆ แบบนี้ก็จะกลับมาอีก

โปรด
ติดตามในเทศกาลต่อไป

ความตาม
หนังสือพิมพ์วันที่ 19 เมษายนหลายฉบับลงข่าว Girly Berry (แต่งตัวรัดกุม) ออกมาแถลงข่าวขอโทษกระทรวงวัฒนธรรมที่แต่งตัว ‘ไม่เหมาะสม’ ในการแสดงที่ถนนข้าวสารช่วงสงกรานต์ (เพราะพวกเธอใส่ชุดเดิมๆ ที่เคยใส่นั่นเอง!) โดยขอให้ประชาชนแยกแยะบทบาทของ ‘อาชีพ’ และ ‘การรณรงค์’ ว่าสามารถทำร่วมกันได้ ขณะที่กระทรวงวัฒนธรรมขานรับกระแสทันทีว่าไม่มี ‘สำนึก’ และไม่รักษา ‘สัญญา’ ที่ให้ไว้กับประชาชน (ในการรณรงค์แต่งกายให้เหมาะสม) พร้อมทั้งขู่จะขึ้น ‘บัญชีดำ’ นักร้องสาวกลุ่มนี้ไม่ให้เข้าร่วมการรณรงค์ใดๆ ของรัฐบาลอีกในอนาคต...เอวัง

ทะลุหูขวา (13): artist: Swan Dive


ทะลุหูขวา [Fall On Deaf Ears]
text and artwork by RabbitHood


ประกาศงดกิจกรรมฟังเพลง ‘ทะลุหูขวา’ เดือนพฤษภาคมนะครับ!
(There will be NO music-listening party ‘Fall On Deaf Ears’ in May!)


{artist}
Swan Dive

Swan Dive เป็นวงดนตรีดูโอ้ชายหนึ่งหญิงหนึ่งจากแนชวิลล์ (Nashville-ซึ่งมีชื่อเล่นว่า Music City) เทนเนสซี่ สหรัฐอเมริกา ประกอบด้วยนักร้อง นักแต่งเพลงและนักกีตาร์ Bill DeMain กับนักร้องสาวเสียงสวย Molly Felder ทั้งสองรวมตัวกันครั้งแรกเมื่อปี 1995 แต่เดิมนั้นใช้ชื่อ Wild About Harry และเปลี่ยนเป็น Swan Dive ในเวลาต่อมา (เขาไม่ได้บอกว่าเปลี่ยนทำไม แต่รู้สึกว่าชื่อ Swan Dive นั้นนุ่มนวล เหมาะกับเพลงของพวกเขามากกว่า) ในยุคแรก Swan Dive มีผลงานติดท็อปเท็นในญี่ปุ่นถึงสามเพลง ออกรายการโทรทัศน์และวิทยุนับครั้งไม่ถ้วน แต่ในบ้านเกิดตัวเองกลับไม่ได้รับความนิยมมากนัก

Swan Dive ชื่นชอบและให้ความคารวะในผลงานของ Burt Bacharach, Simon & Garfunkel และ The Beatles ซึ่งส่งอิทธิพลมายังผลงานของพวกเขาไม่น้อย

Bill นั้นเคยเป็นบรรณาธิการให้กับนิตยสาร Performing Songwriter นิตยสารสำหรับนักเขียนเพลงที่ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 1993 ในแนชวิลล์ ก่อนที่จะออกมาทำเพลงอย่างเต็มตัว เขาทำงานกับศิลปินต่างๆ หลายคน เช่น Jill Sobule, Marshall Crenshaw และ Yoko Yamakuchi ส่วน Molly นั้นก็เคยทำงานร่วมกับศิลปินมาแล้วหลายท่าน เช่น Sixpence None the Richer และ Amy Grant ทั้งยังเคยร้องเพลงโฆษณาให้กับ Pepsi, Michelob (เบียร์ชนิดเบา) และ Chevrolet

สาเหตุที่ Swan Dive ได้ออกอัลบั้มที่ญี่ปุ่นนั้นก็เนื่องมาจากในช่วงปลายปี 1996 Brad Jones (เพื่อนและโปรดิวเซอร์ในเวลาต่อมา) ได้นำเพลงแรกๆ ที่พวกเขาทำเสร็จแล้วติดกระเป๋าไปในขณะที่ออกทัวร์กับ Marshall Crenshaw เผื่อว่าจะมีคนที่สนใจมัน แล้วซีดีนั้นก็ตกไปถึงมือนักหนังสือพิมพ์ชื่อ Izumi Ito ซึ่งค่อนข้างมีชื่อเสียง Izumi เขียนรีวิวเพลงนั้นอย่างดี แล้วค่ายเพลงก็อ่านพบเข้าและโทรมาหา Swan Dive ในเดือนถัดมา

หลังจากที่ออกอัลบั้ม ‘ที่อื่น’ มาสามอัลบั้มแล้ว Swan Dive ก็ออกอัลบั้มชื่อเดียวกับวง เป็นอัลบั้มที่รวมเพลงจากสามอัลบั้มแรกเพื่อออกจำหน่ายในบ้านเมืองตัวเอง และเริ่มเป็นที่ยอมรับมากขึ้นในเวลาต่อมา พวกเขาได้ปรากฏตัวในรายการ Late Night with Conan O Brien ได้เล่นเป็นวงเปิดให้ Norah Jones, Over The Rhine และ Sixpence None the Richer และมีบางเพลงไปโผล่ในซีรี่ส์ Felicity, The L Word (รายการเกี่ยวกับเลสเบี้ยนและไบเซ็กช่วล) และ Unfabulous (รายการวัยรุ่นมัธยม) หนำซ้ำแฟนเพลงในเอเชียของพวกเขาก็เพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว ทั้งในญี่ปุ่น เกาหลี และประเทศไทย (?)

เพลงของ Swan Dive ค่อนข้างหอมหวาน รับประทานง่าย (ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าเป็น Bossa Nova/ Pop) ละม้ายคล้ายความหมายของ ‘ท่ากระโดดน้ำ’ ในชื่อเดียวกันที่ต้องเหยียดแขนแอ่นตัว เหมาะแก่ผู้ที่ตกอยู่ในห้วงรักท่ามกลางบรรยากาศสายลมอบอ้าวและแสงแดดระอุ แม้ว่า Molly นักร้องเสียงสวยจะเคยให้สัมภาษณ์ว่า “ฉันชอบร้องเพลงเศร้า” ก็ตาม

ติดตามเพิ่มเติมได้ที่ http://www.swandive.org/


Why don't I meet you in the middle,
Why don't you meet me in the middle,
Oh, it's gonna take a little time
but we'll be fine.

song: Circle

*ภาพประกอบจากปกอัลบั้ม June (Haven Records, 2001)


พิมพ์ครั้งแรกในนิตยสาร HIP ฉบับพฤษภาคม 2551

Wednesday, May 7, 2008

PAPER EXHIBITION




นิทรรศการ 'กระดาษ' ของตั้ม ที่กรุงเทพ
เปิดงานไปตั้งแต่เมื่อปลายเดือนมีนา แต่บังเอิญเห็นว่ายังไม่จบงาน
และในวันที่ 10 พฤษภานี้มีตั้งไปแสดงปิดงาน
รายละเอียดนี้ได้มาจากเว็บไซต์ของไต้ฝุ่น
ยังไปลองเข้าไปติดตามดู
http://www.typhoonbooks.com/web/typhoon_thai.html

"กระดาษ"
นิทรรศการแสดงต้นฉบับของ ตั้ม-วิศุทธิ์ พรนิมิตร
29 มีนาคม – 10 พฤษภาคม 2551
สถานที่: People Space116
ถนนแพร่งภูธร แขวงศาลเจ้าพ่อเสือ เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200
Tel: 081-5491002
Email: people.space@yahoo.com
http://www.people-space.blogspot.com/

กิจกรรม
เสาร์ 10 พฤษภาคม 2551 ปิดงานด้วยเดี่ยวเปียโนสดพร้อมฉายอนิเมชั่น รอบสุดท้าย เวลา 20.00 น
.

ใครอยู่ใกล้ชักชวนกันไป
ส่วนชาวเชียงใหม่นั้น โปรดอดใจรอ ราวๆ เดือนกันยายนโน่น
^^

Sunday, May 4, 2008

CATS


ได้ภาพนี้มาจากอีเมล รายละเอียดคงเป็นดังที่เห็น
ไม่รู้เหมือนกันว่าจริงไหม ถ้าจริง ก็เห็นว่าน่ารักดี
นอกจากเป็นโฆษณาแจกแมวที่ดูดีสวยงามสะอาดตาแล้ว
ก็ยังช่วยลดภาวะการซื้อสัตว์เพิ่มลงได้อีกด้วย
เห็นแล้วเกิดความคิดว่า ต่อไปในงาน THANKSGIVING 2
อาจจัดหมวดหมู่ 'แลกสัตว์' เพิ่มเข้าไปด้วย
ท่าทางจะวุ่นวายพิลึก ^^

แต่ถ้าสิ่งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นจริง แล้วดันมีคนโทรไปเยอะแยะ
ก็สงสัยว่าเจ้าของเบอร์คงจะรำคาญไม่น้อย
หรือคนที่กำลังอยากได้แมวจริงๆ ก็คงฝันสลาย

ไม่ได้ตรวจสอบให้นะ ขอให้ทุกท่านโชคดี

ปล ชอบประโยคนี้ว่า
NEED TO BE RE-HOMED TOGETHER AS THEY ARE SISTERS AND HAVE NEVER BEEN APART
^^

Thursday, May 1, 2008

Beijing 2008

อันนี้ก็ได้มาจากอีเมล เห็นว่าตลกขื่นๆ ดี
คนคิดก็ช่างคิดได้ บางที เขาอาจไม่รู้ว่าจะระบายออกอย่างไร
การ์ตูนล้อเลียนก็เป็นทางออกที่ดี
ความรู้สึกกับเรื่องใหญ่โตอย่าง 'FREE TIBET' ก็อธิบายออกมาได้
จากภาพเพียงไม่กี่ภาพ