Saturday, November 29, 2008

Latest Christmas song for 2008!!!


ได้รับเนื้อเพลงคริสต์มาสมาจากญาติผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง
ไม่รู้เหมือนกันว่าต้นตอมาจากไหน
แต่ร้องตามแล้ว ได้อารมณ์ดีแท้
ลองดูนะ ^^
..........................


You'd better watch out.
You'd better not cry.
You'd better keep cash.
I'm telling you why:
Recession is coming to town.

It's hitting you once,
It's hitting you twice.
It doesn't care if you've been careful and wise.
Recession is coming to town.

It's worthless if you've got shares.
It's worthless if you've got bonds.
It's safe when you've got cash in hand
So keep cash for goodness sake,

HEY You'd better watch out.
You'd better not cry
You'd better keep cash
I'm telling you why:
Recession is coming to town!

Finance products are confusing
Finance products are so vague
The banks make you bear the cost of risk
So keep out for goodness sake,

OH You'd better watch out
You'd better not cry
You'd better keep cash
I'm telling you why:
Recession is coming to town.

Tuesday, November 25, 2008

PAPER EXHIBITION IN CHIANG MAI!


RabbitHood proudly presents

'PAPER'
Wisut Ponnimit's Original Drawing Exhibition
FIRST TIME IN CHIANG MAI!
Dates: 26 November - 27 December 2008
Venue: Villa Duang Champa


Special!
Live Piano Performance by Wisut
on the Opening Nights
Wednesday 26 Nov. 2008/ 20.00-22.00 Hrs
Thursday 27 Nov. 2008/20.00-22.00 Hrs


Admission Free!
for more info, call 086 663 0303
...............................................................

สวัสดี
ส่งข่าวงานใหม่นะครับ (ช่วงนี้มีงานบ่อยหน่อยนะ)
เรื่องเป็นแบบนี้

ตั้งแต่แรก RH ของเรานี้ตั้งใจมานานแล้วว่า นอกเหนือจากงานที่เราทำเอง ก็จะแบ่งสรรปันส่วนพลังงานที่เรามี จัดงานให้คนอื่นที่เราชื่นชอบบ้าง ส่วนมากก็เป็นงานที่เราอยากดูเอง และคิดว่าน่าจะแบ่งให้คนอื่นๆ ได้ดูด้วยเรานี้ตั้งใจมานานแล้วว่า นอกเหนือจากงานที่เราทำเอง ก็จะแบ่งสรรปันส่วนพลังงานที่เรามี จัดงานให้คนอื่นที่เราชื่นชอบบ้าง ส่วนมากก็เป็นงานที่เราอยากดูเอง และคิดว่าน่าจะแบ่งให้คนอื่นๆ ได้ดูด้วย

งานแรกนี้ประเดิมด้วย นิทรรศการภาพวาดต้นฉบับของตั้ม-วิศุทธิ์ พรนิมิตร งานนี้เริ่มต้นจากเราได้เห็นว่ามีงานแสดง PAPER ที่กรุงเทพฯโดย People Space และสำนักหนังสือไต้ฝุ่น (เข้าไปค้นดูรูปงานคราวกรุงเทพฯ ได้ที่นี่ http://people-space.blogspot.com/
) เลยลองติดต่อไปหาตั้ม อยากให้ชาวเชียงใหม่ได้ดูกันบ้าง ตั้มก็ยินดี ไม่มีปัญหา แถมยังเตรียมตัวมาเชียงใหม่ก่อนวันงานจริง เพื่อวาดโน่นวาดนี่เพิ่มเติม ซึ่งก็หมายความว่าจะมีงานที่วาดขึ้นใหม่ที่เชียงใหม่นี้และแสดงที่นี่เป็นครั้งแรกด้วย! (ได้ข่าวว่าจะมีการวาดหน้าคนด้วยนะ ^^)

หลังจากพยายามหาผู้ช่วยสนับสนุนอยู่นาน (เพราะจริงๆ แล้วการจัดงานข้ามจังหวัดกันมานี้ มีค่าใช้จ่ายพอสมควร) แต่ก็ไม่สำเร็จ พอเข้าใจได้ว่าสภาพเศรษฐกิจเป็นยังไงแต่ตั้งใจแล้วก็อยากทำ เรากับตั้มเลยคุยกันว่าถ้าไม่มีใครสนับสนุน เราก็จะจัดกันเองตั้มออกค่าใช้จ่ายส่วนของตั้ม RH ก็ออกค่าใช้จ่ายส่วนของการจัดงาน ก็เรียบร้อยลงตัวดี

เราได้รับความเอื้อเฟื้อสถานที่จาก วิลล่าดวงจำปา หลังจากตระเวณหาที่เหมาะๆ จัดงาน เราชอบที่นี่ เพราะว่าพื้นที่สวยงามมาก และการจัดนิทรรศการในที่แปลกๆ ที่ไม่ใช่แกลเลอรี่ก็น่าท้าทายดีอยากให้คนได้สัมผัสบรรยากาศที่แตกต่างออกไป

วิลล่าดวงจำปาคือโรงแรมขนาดเล็ก อยู่บนเส้นถนนคนเดิน ตรงจากวัดพระสิงห์ขึ้นไป เข้าไปสำรวจได้ที่นี่ http://www.villaduangchampa.com/
พี่เล็ก (เจ้าของ) ฝากบอกว่าถ้าใครจะเดินทางมาเที่ยวเชียงใหม่แวะดูนิทรรศการ แล้วอยากพักที่นี่ ก็สามารถให้เรตราคาพิเศษได้ (สามารถโทรไปจองแล้วบอกว่ามาดูงานตั้ม)

ขอชักชวนอย่างเป็นทางการอีกครั้ง โดยเฉพาะคืนเปิดงาน 2 คืน (ตามรายละเอียดในโปสเตอร์) ที่ตั้มจะมาแสดงเปียโนประกอบแอนิเมชั่นของเขาเอง คนที่เคยชมแล้ว จะรู้ว่ามันอิ่มเอิบขนาดไหน (เราเคยดูหลายครั้งแล้ว แต่ไม่เคยเบื่อเลย) ส่วนคนที่ไม่เคยชม ขอแนะนำว่าไม่ควรพลาดเด็ดขาดอย่างน้อยโอกาสแบบนี้ก็อาจไม่เกิดขึ้นบ่อยๆ (คือตั้มมีคิวแสดงงานไปทั่วโลกแล้วตอนนี้)

อ้อ..คืนงานเปิดทั้งสองคืน มีของขายที่ระลึกด้วยนะ ตั้มขนมาเองกับมือ ^^

ขอขอบคุณ ตั้มและวี ที่ร่วมลุยด้วยกัน
ขอบคุณ แป้งและนวล (สองคนนี้อาศัยจังหวะมาเที่ยวเฉยๆ)
ขอบคุณ นราวุธ แห่งไต้ฝุ่น (คนนี้คอยช่วยเป็นธุระเวลาที่หาตั้มไม่เจอ)
ขอบคุณ ตูน แห่งสยามกลการ เชียงใหม่ ที่ให้ยืมเปียโนไฟฟ้า YAMAHA ใหม่เอี่ยม
ขอบคุณ พี่เล็กและคุณนิว แห่ง วิลล่าดวงจำปา ที่ช่วยอำนวยความสะดวกต่างๆ นานา

พบกันคืนเปิดงานนะ
^^
วชิรา
RabbitHood
http://www.rabbithood.net/

http://www.beautifulbreathless.com/

..............................

เกี่ยวกับตั้ม (อ่านนะะะะะะะ...)

ขออนุญาตคัดลอกข้อความแนะนำตั้มบางส่วนมาจากเว็บไต้ฝุ่น
(http://www.typhoonbooks.com
) ดังนี้

วิศุทธิ์ พรนิมิตร เป็นหนึ่งในน้อยคนที่ฝันอยากเป็นนักเขียนการ์ตูนแล้วได้เป็นจริงๆชื่อเสียงและลายเส้นของเขาเริ่มเป็นที่รู้จักจากงานซีรีส์ hesheitในนิตยสาร Katch และ Manga Katch สองนิตยสารวัยรุ่นที่เคยฟู่ฟ่าภายใต้การดูแลของกลุ่มเบเกอรี่ มิวสิค ก่อนจะปิดตัวลงทั้งสองเล่มวิศุทธิ์นำ hesheit ไปสานต่อในนิตยสารน้องใหม่ที่ชื่อ a dayและจากนั้นมันกลายเป็นที่กล่าวถึงอย่างกว้างขวาง ทั้งในด้านชื่นชมและด้านไม่เข้าใจแต่ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ชอบ ไม่มีใครปฎิเสธได้ว่า hesheit มีเอกลักษณ์เฉพาะที่ไม่เคยปรากฏที่ไหนมาก่อนและเนื้อหาของมันในแทบทุกตอน สะท้อนว่าวิศุทธิ์เป็นหนุ่มผู้มีความคิดลึกซึ้งช่างสังเกต ช่างตั้งคำถาม และมีความละเอียดอ่อนต่อทุกประสบการณ์ที่เขาพบเจอในชีวิต

ความโด่งดังของ hesheit ทำให้วิศุทธิ์กลายเป็นฮีโร่สำหรับวัยรุ่นหลายคนและทำให้เขาได้ขยายงานสู่การทำอนิเมชั่น (มิวสิควิดีโอโจอี้ บอย และโมเดิร์นด็อก)ซึ่งถือเป็นอีกก้าวของงานการ์ตูนที่เขาสนใจ

ทั้งหมดนั้นเป็นเพียงจุดเริ่มต้นในปี 2004 วิศุทธิ์เดินทางไปประเทศญี่ปุ่นด้วยความตั้งใจจะเรียนภาษาพร้อมๆ กับพยายามเผยแพร่งานตัวเองไปด้วยเขาอาจจะเป็นหนึ่งในนักเขียนการ์ตูนไทยไม่กี่คนที่มีความพยายามอย่างมุ่งมั่นที่จะออกไปสร้างงานในประเทศที่เป็นแหล่งแข่งขันทางการ์ตูนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกและที่สำคัญกว่านั้นคือวิศุทธิ์ทำสำเร็จ ไม่เพียงชื่อเสียงและผลงานของเขาจะกลายเป็นที่สนใจของชาวญี่ปุ่นได้ในเวลาเพียงไม่ถึงปีและมีผลงานรวมการ์ตูนเรื่อง everybodyeverything พิมพ์ออกมาโดยสำนักพิมพ์ญี่ปุ่นแท้ๆแต่ทั้งงานการ์ตูนและงานอนิเมชั่นของวิศุทธิ์ ถือเป็นปรากฏการณ์แปลกใหม่แม้แต่ในประเทศอย่างญี่ปุ่นเองนี่คือสาเหตุที่ความสนใจในงานของวิศุทธิ์ยังดำเนินไปไม่หยุดยั้งและทำให้ชื่อเสียงของเขาโด่งดังขึ้นเรื่อยๆ (เขาได้รับเลือกจากนิตยสาร Elle ของญี่ปุ่นให้เป็นหนึ่งใน 250 คนที่น่าจับตามองของโลกในขณะนี้!)

ปัจจุบันวิศุทธิ์มีงานในญี่ปุ่นอย่างชุกชุม เขามีหนังสือออกมาแล้วหลายเล่มทำอนิเมชั่นให้หนังโฆษณา โทรศัพท์มือถือ วาดภาพให้ปกซีดีเพลงปกหนังสือของนักเขียนชื่อดัง แต่งร้านอาหารแสดงเปียโนสดประกอบอนิเมชั่น ร่วมในนิทรรศการศิลปะและมีการ์ตูนเรื่องยาวของตัวเองลงทุกเดือนใน IKKI นิตยสารการ์ตูนชื่อดังของญี่ปุ่น

รู้จักตั้มเพิ่มเติมได้ที่นี่
http://web.mac.com/wisut/wisut/main.html

..........
งานต่อไป...

ทะลุหูขวา ครั้งที่ 21 ฉลองครบรอบ 2 ปี! (เย้!)
WE ARE YHE DESTROYER!
(welcome to the disco)
วันที่: 19 ธันวาคม 2551
สถานที่: (www.rabbithood.net
)

Monday, November 17, 2008

FALL ON DEAF EARS: NOVEMBER 2008


FALL ON DEAF EARS 20
A TRIBUTE TO IAN CURTIS AND HIS ERA

AS A PART OF EUROPEAN UNION FILM FESTIVAL
FEAT. NORASATE MUDKONG (WRITER)

SATURDAY 22 NOVEMBER 2008/ 21.00-00.00 HRS
@ KHUN CHURN (NIMMAN SOI 17), CHIANG MAI.

ADMISSION FREE/
FOR TABLE RESEVATION, PLS CALL 086 663 0303
.....................................................................................................
(lousy english, scroll down)

สวัสดี
หายหน้าไปนาน ช่วงนี้งานเข้า เพียบเลย ^^
ขอแจ้งข่าวงานหู ครั้งที่ 20 ซึ่งจะว่าไปก็ถือว่าเข้าสู่ปีที่สามแล้ว
แต่เรายังไม่ฉลองกันเดือนนี้นะ
ยกยอดไปปาร์ตี้ใหญ่เดือนธันวาคมแทน

เดือนนี้ได้รับคำชักชวนจาก British Council (กรุงเทพฯ) ให้จัดงานหูต่อเนื่องมาจากคราวเมื่อเดือนตุลา ที่เราระลึกถึง JOY DIVISION กัน (ดูภาพงานได้ที่นี่ http://www.rabbithood.net/fode18
) คราวที่แล้วนั้นมีการพูดถึงหนังเรื่อง CONTROL เอาไว้บ้าง เล่าอีกครั้งได้ว่า CONTROL นั้นกำกับโดยผู้กำกับมิวสิค Anton Corbijn เป็นหนังที่สร้างจากหนังสือชื่อ Touching From A Distance (ชอบชื่อมากๆ) ที่เขียนโดย Deborah Curtis ซึ่งเป็นภรรยาของ Ian Curtis นั่นเอง

หนังเล่าถึงช่วงเวลาตั้งแต่ปลายยุคนักเรียน เข้าสู่ ร้องเพลง แต่งเพลงจนกระทั่งถึงวาระสุดท้ายของ Ian Curtis นักร้องและนักแต่งเพลงของ JOY DIVISIONที่กลายเป็นตำนานไปในระยะเวลาอันสั้น Ian ตัดสินใจจบชีวิตตัวเองตั้งแต่อายุ 23ในช่วงเวลาที่ JOY DIVISION กำลังโด่งดังสุดขีดเนื้อเพลงของเขายังคงอยู่กับเรามาจนทุกวันนี้ โดยเฉพาะท่อนนี้ ...Love Will Tears Us Apart...

หลังจากแอบดูผ่านดีวีดีกันมาแล้ว ในเทศกาลหนังยุโรปคราวนี้เราจะมีโอกาสได้ดู CONTROL กันในโรงภาพยนตร์ (หนังสวยมาก เป็นขาวดำ)ทั้งที่กรุงเทพฯ และเชียงใหม่ เข้าใจว่าคงไม่ได้มีกันบ่อยๆที่กรุงเทพฯ ฉายวันที่ 6 ธันวา ส่วนที่เชียงใหม่ ฉายวันที่ 20 ธันวารายละเอียดการฉาย เข้าไปดูได้ที่นี่ www.britishcouncil.or.th

สำหรับท่านที่คาใจ อยากมาฟัง JOY DIVISION ต่อ ก็ขอเชิญมาอุ่นเครื่องกันที่งานหูได้ก่อน

มาถึงเรื่องตื่นเต้น งานหูเดือนนี้มีแขกรับเชิญพิเศษ ซึ่งก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลพี่ซี๊ด- นรเศรษฐ หมัดคง ของน้องๆ นี่เอง คราวนี้เราชวนพี่ชี๊ดมาในฐานะนักเขียนที่มาเปิดเพลง (เหมือนที่คราวที่แล้วชวนพี่หม่องในฐานะช่างภาพมาเปิดเพลง) ซึ่งก็จะเป็นเพลงในช่วงยุคของ JOY DIVISION นั้นแล (ปลาย 70s ถึง 80s) (ถ้าใครได้ดูหนัง 24 hour party people คงจะพอนึกออก ที่เขาเรียกช่วงนั้นว่า Mad-chester ซึ่งก็เพี้ยนคำมาจากชื่อของเมือง Manchester ที่เป็นต้นกำเนิดของวงดนตรีเหล่านั้นนั่นเอง)

ความรู้เรื่องเพลงของพี่ซี๊ดคงไม่ต้องเท้าความกันให้ยุ่งยากเอาเป็นว่าทุกวันนี้ก็ยังหยิบหนังสือ ดนตรี คีตา เวหา อีเล็กทรอนิกส์ ของแกมาพลิกอ่านอยู่บ่อยๆ (หนา-และบรรจุไปด้วยความรู้เรื่องดนตรีร่วมสมัย) แถมความสนุกสนานในทางเปิดเพลงก็ไม่ต้องพูดถึง ชาวคลับทั้งหลายคงรู้ดี

คราวนี้พี่ซี๊ดให้เกียรติมาร่วมเปิดในงานหู ขอขอบพระคุณมากครับ ^^

เอาล่ะ ไปจริงๆ แล้วพบกันวันเสาร์ที่ 22 นี้นะครับ คราวนี้จัดที่ร้านคุณเชิญ ร้านสวยและเป็นมังสวิรัติ แต่เราต้องทำความเข้าใจกันใหม่ว่า ร้านมังสวิรัตินั้นดื่มได้! ฉะนั้นไม่ต้องกังวลกันไปเน่อ (เราไปลองดื่มมาแล้ว)

อ้อ..ที่งานยังมี 'กาดต่าย' เหมือนเดิม

ขอขอบคุณ British Council (กรุงเทพฯ) ครับ
^^
วชิรา
RabbitHood
http://www.rabbithood.net/
http://www.beautifulbreathless.com/

ปล ขอส่งข่าวงานต่อไปเลยนะ
พุธ-พฤหัส ที่ 26-27 ที่จะถึงนี้ (พ.ย.) ที่ดวงจำปา วิลล่า (เส้นถนนคนเดิน)
ขอเชิญชวนทุกท่านมาร่วมงานเปิดนิทรรศการภาพวาดต้นฉบับ
ของตั้ม-วิศุทธิ์ พรนิมิตร ครั้งแรกในเชียงใหม่
ติดตามรายละเอียดต่อไปได้ที่นี่ หรือไม่ก็รอจดหมายฉบับหน้านะ ^^

...................................................

Dear All,
Sorry for being delay, i have been away on the road and got few more projects on the way.

this month F>O>D>E> is about to support a british film 'CONTROL' (Directed by Anton Corbijn) CONTROL is a biography of the Joy Division lead singer, Ian Curtis, from school boy days to his suicide at the age of 23. Married young, the fears and emotions fuel his music slowly begin to eat away at him.

And more surprise, this month we do have a special guest, our beloved brother Zeed-Norsate Mudkong who fly away from bangkok to cm for this event. P'Zeed will bring us a Mad-chester music scene from his private collection. So, do you have any reason to ignore? ^^

Well, see you on this sat

^^
vajira,
RabbitHood
http://www.rabbithood.net/

F>O>D>E>19>A HARD DAY'S NIGHT IN PAI @ GrooveYard


มาแล้ว... รูปงานที่ปาย
ขอโทษที่ช้าไปมากกก
แต่รูปก็ไม่ได้หายไปไหนนะ
เอาล่ะ ขอเชิญรับชม

http://www.rabbithood.net/fode19/

ขอขอบคุณทุกท่านที่มีโอกาสแวะเวียนไป
ประชาชนอุ่นหนาฝาคั่งกว่าปีที่แล้วมากมายนัก
โดยเฉพาะพี่ๆ น้องๆ ชาวเชียงใหม่ที่ถือโอกาสไปเที่ยวกัน

ขอบคุณจริงๆ
ปีหน้าถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด
ก็คงได้แวะไปแถวนั้นอีก

ไปฉลองวันเกิดให้เด็กชายอะโนกัน ^^

เกือบลืม
งานคราวนี้ถ่ายโดยลุงหนวด-ชัยพร โสดาบรรลุ
ชอบไม่ชอบขอเชิญตามอัธยาศัย

โพรง (7): ทีวีของเรา


โพรง
เรื่องและภาพประกอบโดย วชิรา
www.rabbithood.net

พิมพ์ครั้งแรกในนิตยสาร HIP ฉบับตุลาคม 2551


ทีวีของเรา

ปกติแล้วสิ่งไม่มีชีวิตที่เรียกว่าโทรทัศน์นั้น ไม่ค่อยถูกโฉลกกับชีวิตผมนัก นอกเหนือจากการพยายามติดตามความตะกรุมตะกรามของผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองของเราและความอยากรู้อยากเห็นในสิ่งที่คนหมู่มากกำลังสนอกสนใจแล้วนั้น เครื่องรับโทรทัศน์ของผมก็มักไม่ค่อยทำหน้าที่ตามที่มันได้ถูกสร้างมามากนัก

จะว่าไป มันทำหน้าที่ใกล้เคียงกับจอภาพยนตร์ในโรงภาพยนตร์มากกว่า ยิ่งเมื่อเชียงใหม่ยังไม่มีโรงหนังสำหรับบางเวลาที่เราเกิดรู้สึกเบื่อหนังกระแสหลักหรือบางเวลาที่หนังบางเรื่องถูกถอดออกจากโรงฉายไป

ด้วยความที่ไม่เคยโยกย้ายตัวเองไปอาศัยอยู่ต่างเมือง ผมจึงเพิ่งพบว่าในแต่ละท้องถิ่นของตัวเองนั้น ส่วนใหญ่ล้วนมีเคเบิ้ลทีวีเป็นของตัวเอง นอกเหนือไปจากเคเบิ้ลเจ้าหลักที่มีกำลังส่งสัญญาณไปได้ทั่วประเทศ อย่างเช่น WETV (เวิร์ลเอนเตอร์เทนเม้นท์) ของเชียงใหม่ SVTV (แสนสุขวิชั่น) ของบางแสน หรือ ASTV ของชาวคณะพันธมิตร (เจ้านี้ก็ดูท่าว่าจะครอบคลุมพื้นที่ได้กว้างขวางขึ้นเรื่อยๆ ) เป็นต้น

แล้วจู่ๆ เคเบิ้ลท้องถิ่นก็กลายเป็นโลกใบใหม่ของผม
เปล่าหรอก, ผมไม่ได้ดั้นด้นไปสมัครเป็นสมาชิก เพียงแต่อพาร์ทเม้นท์ที่พำนักอาศัยอยู่นั้นเขาติดตั้งมาให้แล้ว

ว่ากันว่าเคเบิ้ลทีวีถือกำเนิดครั้งแรกในอเมริกาเมื่อหลายสิบปีก่อน เพื่อตอบสนองชุมชนในพื้นที่ที่สัญญาณทีวีหลัก
นั้นเดินทางไปไม่ถึง จากนั้นก็พัฒนากันมาตามลำดับ ในประเทศของเรานั้นก็เริ่มต้นเมื่อราวปีพ.ศ. 2525 จนป่านนี้ก็ได้ยินว่ามีเจ้าที่ได้รับอนุญาตถูกต้องอยู่ราวๆ 80 เจ้า

สำหรับเจ้าที่ให้บริการที่เชียงใหม่ ก็มีช่องให้เลือกดูราวๆ 40 ช่อง แต่ผมดูไม่ครบหรอกนะครับ พลัดหลงไปติดกับอยู่แถวๆ ช่องภาพยนตร์เสียส่วนใหญ่ ซึ่งก็พอมีภาพยนตร์ดังๆ แบบที่เคยฉายในโรงบ้างประปราย แต่นั่นไม่น่าสนใจสำหรับผมเท่ากับหนังประเภทที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนในชีวิต

เป็นหนังประเภทที่เรียกกันติดปากว่าหนังเกรดบี

สำหรับ
คอหนังคงไม่ต้องอธิบายความหมายของมัน แต่สำหรับคอไม่หนัง ผมพอจะอธิบายคร่าวๆ ได้ว่าหนังเกรดบีไม่ใช่หนังเกรดเอ (ตรงตัวตามชื่อเรียกของมัน) เป็นหนังที่ไม่ได้ผลิตมาจากสตูดิโอขนาดยักษ์ ไม่มีการโหมโฆษณาถล่มทลาย (ซึ่งงบโฆษณาของหนังบางเรื่องสามารถเอาไปทำหนังได้อีกหลายเรื่อง) ไม่มีดาราแม่เหล็กที่เชื่อกันมาตลอดว่าสามารถดึงดูดความสนใจของแฟนหนังได้อยู่หมัด ทุนสร้างไม่มาก ซึ่งหมายความถึงฉาก แสงเสียง บท และการแสดงที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับหนังฟอร์มใหญ่

รวมถึงการออกฉายในบางช่อง ที่มีการพากย์เสียงภาษาไทยทับลงไปให้เสร็จสรรพ
และความน่าสนใจของมันก็อยู่ตรงที่ความหละหลวมของมันนี่เอง

ประสบการณ์การดูดซึมหนังทุนสร้างร้อยสองร้อยล้านที่ส่วนใหญ่จะซ้ำซากและวนเวียนอยู่กับจุดขายเดิมๆ เรื่องเดิมๆ ดาราเดิมๆ และบริบทเดิมๆ (แบบอเมริกันนิยม) ถูกความหละหลวมที่เพิ่งรู้จักตีแตกกระจุยเป็นเสี่ยงๆ

เดี๋ยวก่อน
ผมไม่ได้หมายความว่าหนังทุนสูงจะเลวร้ายไปเสียหมด (อย่างล่าสุดเพิ่งดู WALL.E ก็รู้สึกว่าน่ารักน่าเอ็นดูดีแท้) เพียงแต่ผมเพิ่งได้รู้จักกับฆาตกรโรคจิตที่ชอบไปหลบอยู่ตามบ้านร้าง คอยดักฆ่านักศึกษา (อเมริกัน) ที่มักมีบุคลิกห่ามเกินกว่าเหตุ ชอบแอบไปเที่ยวกันในที่เปลี่ยวๆ ชวนคู่รักไปแอบ XXX กันในที่เสี่ยงๆ แล้วก็ค่อยๆ ถูกฆ่าไปทีละคนสองคน จนต้องหันกลับมาต่อสู้และเอาชนะเจ้าฆาตกรโรคจิตได้สำเร็จ (แต่กว่าจะสำเร็จเพื่อนก็ตายไปแล้วหลายศพ) หรือการบุกเข้าไปในป่าลึกเพื่อค้นหาวัตถุสำคัญ แต่ต้องต่อสู้กับจระเข้ยักษ์ที่ขยับตัวไม่ค่อยถนัด ทำได้เพียงอ้าปากพะงาบๆ ไล่ฆ่าผู้บุกรุก (ซึ่งแค่พะงาบปากก็ฆ่าคนได้แล้ว) หรือเรื่องของหญิงสาวชาวป่า (XXX) ที่ถูกค้นพบโดยขุนนางในเมืองแล้วเอามาเลี้ยงดู (เพื่อเป็นเมีย!) และต้องต่อสู้ต่างๆ นานากับชนชั้นสูงเพื่อให้เป็นที่ยอมรับ หรือพระเอกยอดนักบู๊ที่ไปไล่เข่นฆ่าเหล่าร้ายในเมืองลึกลับ ฯลฯ

เล่าได้ไม่หมดหรอกครับ เรื่องมันเยอะมาก

ผมพยายามถามตัวเองตลอดมาว่าอะไรดึงดูดให้ต้องเปิดทีวี มองหาหนังเกรดบีสักเรื่องดูก่อนนอน (ซึ่งทำให้กลายเป็นคนนอนดึกมาก เป็นเวลาติดต่อกันมายาวนาน) เหตุผลที่พอจะตรงกับใจมากที่สุดเห็นจะเป็นเรื่อง ’ความซื่อ’ ของมัน

กับอีกเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กันคือการที่หนังประเภทนี้มีพื้นที่ให้นั่งๆ ยืนๆ อยู่ในโลกของภาพยนตร์ที่คนอย่างเราๆ ท่านๆ ส่วนใหญ่ไม่เคยแม้แต่จะชายตามอง โดยเฉพาะเมื่อโลกนี้อ้าแขนรับศาสตร์ของ ‘การตลาด’ ให้เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งยวดในระบบทุนนิยม เราก็สามารถแบ่งแยกคนออกเป็นกลุ่มๆ ได้โดยชอบธรรม เพราะมีกติการองรับชัดเจน

แน่นอนว่ากติกานี้กำหนดขึ้นมาโดยคนที่อยู่ ‘ข้างบน’

ขยับเก้าอี้เข้าไปลึกว่าลำพังเป็นคนดูอีกสักหน่อย ผมก็ค้นพบว่ามีฆาตกรโรคจิตเกิดขึ้นคนแล้วคนเล่า พร้อมๆ กับกลุ่มนักศึกษากลุ่มแล้วกลุ่มเล่าที่ยังเพียรออกไปทำตัวซ่ากันในที่รกร้าง มีหญิงชาวป่าคนแล้วคนเล่าที่ต้องต่อสู้กับคนจากเมืองใหญ่ พระเอกยอดนักบู๊คนแล้วคนเล่าที่ต่อกรกับเหล่าร้ายในแบบต่างๆ หรือจระเข้ยักษ์ตัวแล้วตัวเล่าที่ยังพะงาบปากไล่ฆ่าผู้บุกรุก

มีผู้กำกับ
คนแล้วคนเล่าที่สร้างหนังชนิดนี้ นักแสดงหน้าใหม่เกิดขึ้นคนแล้วคนเล่า (ผมพอรู้มาว่ามีผู้กำกับหลายคนที่ตั้งหน้าตั้งตาสร้างหนังชนิดนี้อย่างจริงจังและได้รับการบันทึกชื่อไว้ในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ด้วย หนำซ้ำยังเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้กำกับใหญ่ยกตัวอย่างอย่างเช่น เควนติน ทารันติโน่ สร้างหนังเลียนแบบหนังเกรดบีด้วยซ้ำ)

นั่นแสดงว่ายังมีกลุ่มคนกลุ่มแล้วกลุ่มเล่าที่ติดตามดูหนังเหล่านี้ใช่หรือไม่

ผม
ไม่รู้จริงๆ ว่าพวกเขาเป็นใคร ติดตามหนังเหล่านี้ด้วยความเต็มใจหรือจำใจ ในโลกที่ถูกแบ่งสัดแบ่งส่วนด้วยเนื้อหาทางการตลาดไว้ชัดเจน ในประเทศที่เราภูมิใจหนักหนาว่าเราจะเป็นศูนย์กลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่มีทีวีสาธารณะให้ดูแค่ 6 ช่อง ซึ่งมีเนื้อหาแทบไม่แตกต่างกัน (ด้วยข้ออ้างว่าคนดู ‘ส่วนใหญ่’ ชอบแบบนี้) หนำซ้ำบางช่องบางรายการก็ยังเป็นเครื่องมือรับใช้รัฐบาลอย่างออกนอกหน้า

ในฐานะคนที่ไม่ค่อยดูทีวี ผมยังอยากเห็นทางให้เลือกมากกว่าที่เป็นอยู่

ระหว่าง
ที่รอวันนั้น ผมจะขอเพลิดเพลินกับพี่จระเข้ยักษ์พะงาบปากกินคนไปพลางๆ ก่อน

ทะลุหูขวา (18): artist: Beatle Barkers


Beatle Barkers

เห็นปกซีดีแล้วคงพอนึกออกใช่ไหม?

Beatle Barkers คืออัลบั้มล้อเลียนวงดนตรี The Beatles ที่ออกมาในปี 1983 โดย “Woofers & Tweeters Ensemble” ภายใต้สังกัด Passport Records โดยที่ยังคงความลึกลับของผู้ผลิตและผู้ให้กำเนิดไว้อย่างครบครับ (เพราะหาไม่เจอ) แม้ต่อมาภายหลังได้เปลี่ยนผู้จัดจำหน่ายเป็น S.D.E.G. Records (ย่อมาจาก Swamp Dog Entertainment Group) ก็ยังคงลึกลับดำมืดอยู่ดี

ด้วยความที่ Beatles เป็นวงดนตรีที่มีอิทธิพลไปทั่วโลก จึงไม่น่าแปลกใจที่จะมีคนเอาเพลงของพวกเขาไปสร้างสรรค์ออกมาใหม่ในรูปแบบต่างๆ อัลบั้มนี้ประกอบไปด้วยเพลงของ Beatles จำนวน 12 เพลง ส่วนของดนตรีนั้นใกล้เคียงต้นฉบับจริงทุกประการ แต่เสียงร้องนั้นต่างออกไป เพราะมันเป็นเสียงของ หมา แมว วัว ไก่ และ แกะ! ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าเสียงเหล่านี้ถูกนำมาเรียบเรียงให้สอดคล้องกลมกลืนกันอย่างสนุกสนานเบิกบานใจ ชนิดฟังแล้วก็สามารถเรียกรอยยิ้มออกมาได้ในทันที (ที่ด้านหลังปกเขียนว่า Dogs, Cats and Cattle from Liverpool Arf! Arf! Meow! Meow! Mooooo! The Greatest Beatle Hits Of All Times)

บ้างก็ว่าเหมาะกับเด็กเล็กที่อยากเริ่มหัดฟัง Beatles บ้างก็ว่าสามารถเปิดให้หมาฟังได้ เพราะว่าร้องภาษาเดียวกัน ส่วนหลายท่านฟังแล้วก็บอกว่าชวนนึกถึงอัลบั้มเสียงเสียดหูของ Chipmunks

แต่ไม่รู้ว่าสมาชิกที่เหลือของ Beatles ที่ยังมีชีวิตอยู่จะเคยได้ฟังหรือไม่ แล้วรู้สึกอย่างไร

Track List

1. I Want To Hold Your Hand
2. Love Me Do
3. Ob-La Di, Ob-La Da
4. We Can Work It Out
5. I Saw Her Standing There
6. I Feel Fine
7. Can’t Buy Me Love
8. All My Loving
9. Day Tripper
10. She Loves You
11. A Hard Days Night
12. Paperback Writer

Wednesday, November 5, 2008

Pai 2008


กลับมาแล้ววววววววว ^^
ขออภัยที่หายไปนานนนนนน
ออกไปเดินทาง แล้วก็ต้องเริ่มโปรเจกต์ใหม่ (เริ่มต้นไปแล้ว)
ค่อยๆ ไล่เรียงกันไปนะ

ภาพนี้ถ่ายตอนไปปาย ตอนที่ไปจัดงานหู
แต่ไม่เกี่ยวอะไรกับงานหรอก
(รูปงานหูรอแป๊ปเน่อ)
นี่เป็นที่ทำการของ Pai Post หนังสือพิมพ์ที่ปาย
เมื่อปีก่อนก็เปิดๆ ปิดๆ ไปตามเรื่อง
แต่ว่าปีนี้ เห็นเปิดเป็นร้านเล็กๆ มีเครื่องดื่มน้อยๆ ให้บริการ
มีวงดนตรีเล่น บรรยากาศดีมากจนตกใจกว่าเดิม
(เพราะว่าตอนที่ไปถึง ตกใจมาก ทำไมปายคนเยอะอย่างนี้ ยังไม่ถึงฤดูเที่ยวสักหน่อย)
นั่งๆ ฟังเพลงไป คุณพี่ชาก็ขึ้นไปแจม
พี่ชานั้นเป็นนักดนตรี ที่เคยมาช่วยเล่นให้ที่เชียงใหม่
ที่จริงแกตามไปเที่ยวงานหูที่ปาย เลยถือโอกาสไปแจมดนตรี

บรรยากาศคืนนั้นดีนักแล
คุยกับคุณหนุ่ย (ถ้าจำชื่อผิดขออภัย) ว่ามีโอกาสจะชักชวนเพื่อนๆ ไปแจมบ้าง
เห็นแกก็ยินดี

ส่วนงานหูนั้นก็...รอดูรูปละกันนะ
^^