พิมพ์ครั้งแรกในนิตยสาร HIP ฉบับเดือนธันวาคม 2550
ขอขอบคุณ ABSOLUT VODKA
(ได้ข่าวว่า THE RADIO DEPT. กำลังจะมาแสดงสดในเมืองไทย มีความคืบหน้าอย่างไร จะแจ้งให้ทราบโดยด่วน ^^)
{artist}
THE RADIO DEPT.
ใครที่ได้ดู Marie Antoinette ภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของ Sofia Coppola คงจำได้ว่าเพลงประกอบในหนังเรื่องนั้นไพเราะขนาดไหน (หนังของ Sofia เพลงเพราะทุกเรื่อง จนหลายคนค่อนขอดว่าเพลงดีกว่าหนัง) หนึ่งในบรรดาวงดนตรีที่มีรายชื่อร่วมบรรเลงในนั้นคือ THE RADIO DEPT.
พวกเขาเป็นวงดนตรีจากเมือง Lund (ลุนด์) ประเทศสวีเดน เมืองเก่าแก่ที่ประวัติความเป็นมาไม่ชัดเจนนัก
ว่ากันว่าถูกค้นพบแถวๆ ปีค.ศ.1000 โน่น
วงดนตรี THE RADIO DEPT. เริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 1995 โดย Elin Almered กับ Johan Duncanson ในสมัยที่ทั้งสองยังเรียนมัธยม ชื่อของวงมาจากป้ายชื่อใหญ่ยักษ์ของร้านซ่อมวิทยุที่แต่เดิมเคยเป็นปั๊มน้ำมันมาก่อน ป้ายนั้นเขียนว่า "Radioavdelningen" ซึ่งก็คือ The Radio Department ในภาษาสวีดิช
กิจวัตรส่วนใหญ่ในชีวิตของทั้งสองคน มักคลุกคลีอยู่กับเพื่อนๆ ที่สนใจดนตรี ภาพถ่าย หนัง ศิลปะ และกิจกรรมอะไรเทือกๆ นั้น ชื่อ Radio Department จึงเป็นเหมือนชื่อแผนกหนึ่งในวิถีชีวิตของพวกเขา
แต่สองคนนี้ก็เล่นดนตรีอยู่ด้วยกันไม่นานนัก วงก็ต้องหยุดพัก
สามปีต่อมา (1998) Duncanson กลับมาทำดนตรีกับเพื่อนใหม่ Martin Larsson และตัดสินใจใช้ชื่อ THE RADIO DEPT. อีกครั้งจากนั้นอีกสามปีถัดมา Lisa Carlberg แฟนสาวของ Larsson ก็ถูกชักชวนมาร่วมวงในตำแหน่งมือเบส ตามมาด้วย Per Blomgren ที่ตำแหน่งกลอง และ Daniel Tjader ที่หน้าแป้นคีย์บอร์ด
พวกเขาออกแสดงตามที่ต่างๆ อัดเสียงระบบ 4 แทรกตามสถานที่หลากหลาย ทั้งในห้องนั่งเล่นที่บ้านเพื่อน โกดังเน่าๆ ที่บ้านตัวเอง ห้องอัดเดโมที่ไฟติดๆ ดับๆ หรือไม่บางทีก็อัดเสียงกันที่โรงเรียน ช่วงปลายปี 2001 นี้เอง THE RADIO DEPT.ส่งเพลงที่ทำเสร็จแล้วไปยังนิตยสารดนตรีที่ชื่อ Sonic ผลลัพธ์คือเสียงวิจารณ์ที่ดี และยังได้รับเลือกให้ถูกบรรจุลงไปในแผ่นซีดีตัวอย่างที่แถมไปนิตยสาร ค่ายเพลง Labrador Records (เจ้าพ่ออินดี้ของสวีเดน) ได้ยินเข้า ก็รีบจับเซ็นสัญญาทันที แล้วอัลบั้มแรก Lesser Matter ก็ออกสู่รูหูประชาชน
Per Blomgren ออกจากวงไปก่อนที่อัลบั้มแรกจะวางแผง ขณะที่ Lisa Carlberg ก็เก็บกระเป๋าตามไปติดๆ ในเวลาอีกไม่นาน
หลังจากนั้น THE RADIO DEPT. ยังไม่เคยใช้บริการมือกลองและมืองเบสคนไหนอีกเลย พวกเขาตกลงใจจะใช้โปรแกรมกลองพร้อมให้เหตุผลว่าเป็นสไตล์ใหม่สำหรับอัลบั้มที่สอง Pet Grief.
แน่นอน, คนทั้งโลกสนใจพวกเขามากขึ้น หลังจากที่หนัง Marie Antoinette ออกฉายเมื่อปี 2006
ดนตรีของ THE RADIO DEPT. ล่องลอย ชวนเคลิ้ม ติดรสหวาน แต่ก็หนักแน่นอยู่ในที พวกเขาถูกจัดอยู่ในหมวด Shoegazer ซึ่งเป็นหนึ่งในหมวดของดนตรี alternative rock หมวดนี้ตั้งชื่อโดยสื่อมวลชนอังกฤษที่ไว้ใช้เรียกวงดนตรีประเภท ‘เคลื่อนไหวน้อย’ ขณะอยู่บนเวที (คล้ายๆ กับว่าเล่นไปก็จ้องรองเท้าตัวเองไป...ทำนองนั้น) ตอนที่ออกอัลบั้มแรก นิตยสาร NME ถึงกับสรรเสริญว่าเป็น ‘a minor classic’ และได้รับการคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในสิบอัลบั้มยอดเยี่ยมแห่งปีในปีนั้น ส่วนอัลบั้มที่สองนี้ ทางค่าย Labrador Records ก็ได้สรรเสริญสำทับไปว่าเป็น ‘a major classic’ เป็นที่เรียบร้อย
ปัจจุบัน THE RADIO DEPT. มีสมาชิกสามคนคือ Johan Duncanson, Martin Larsson และ Daniel Tjader
ติดตามเพิ่มเติมได้ที่ http://www.myspace.com/officialradiodept
ขอขอบคุณ ABSOLUT VODKA
(ได้ข่าวว่า THE RADIO DEPT. กำลังจะมาแสดงสดในเมืองไทย มีความคืบหน้าอย่างไร จะแจ้งให้ทราบโดยด่วน ^^)
{artist}
THE RADIO DEPT.
ใครที่ได้ดู Marie Antoinette ภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของ Sofia Coppola คงจำได้ว่าเพลงประกอบในหนังเรื่องนั้นไพเราะขนาดไหน (หนังของ Sofia เพลงเพราะทุกเรื่อง จนหลายคนค่อนขอดว่าเพลงดีกว่าหนัง) หนึ่งในบรรดาวงดนตรีที่มีรายชื่อร่วมบรรเลงในนั้นคือ THE RADIO DEPT.
พวกเขาเป็นวงดนตรีจากเมือง Lund (ลุนด์) ประเทศสวีเดน เมืองเก่าแก่ที่ประวัติความเป็นมาไม่ชัดเจนนัก
ว่ากันว่าถูกค้นพบแถวๆ ปีค.ศ.1000 โน่น
วงดนตรี THE RADIO DEPT. เริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 1995 โดย Elin Almered กับ Johan Duncanson ในสมัยที่ทั้งสองยังเรียนมัธยม ชื่อของวงมาจากป้ายชื่อใหญ่ยักษ์ของร้านซ่อมวิทยุที่แต่เดิมเคยเป็นปั๊มน้ำมันมาก่อน ป้ายนั้นเขียนว่า "Radioavdelningen" ซึ่งก็คือ The Radio Department ในภาษาสวีดิช
กิจวัตรส่วนใหญ่ในชีวิตของทั้งสองคน มักคลุกคลีอยู่กับเพื่อนๆ ที่สนใจดนตรี ภาพถ่าย หนัง ศิลปะ และกิจกรรมอะไรเทือกๆ นั้น ชื่อ Radio Department จึงเป็นเหมือนชื่อแผนกหนึ่งในวิถีชีวิตของพวกเขา
แต่สองคนนี้ก็เล่นดนตรีอยู่ด้วยกันไม่นานนัก วงก็ต้องหยุดพัก
สามปีต่อมา (1998) Duncanson กลับมาทำดนตรีกับเพื่อนใหม่ Martin Larsson และตัดสินใจใช้ชื่อ THE RADIO DEPT. อีกครั้งจากนั้นอีกสามปีถัดมา Lisa Carlberg แฟนสาวของ Larsson ก็ถูกชักชวนมาร่วมวงในตำแหน่งมือเบส ตามมาด้วย Per Blomgren ที่ตำแหน่งกลอง และ Daniel Tjader ที่หน้าแป้นคีย์บอร์ด
พวกเขาออกแสดงตามที่ต่างๆ อัดเสียงระบบ 4 แทรกตามสถานที่หลากหลาย ทั้งในห้องนั่งเล่นที่บ้านเพื่อน โกดังเน่าๆ ที่บ้านตัวเอง ห้องอัดเดโมที่ไฟติดๆ ดับๆ หรือไม่บางทีก็อัดเสียงกันที่โรงเรียน ช่วงปลายปี 2001 นี้เอง THE RADIO DEPT.ส่งเพลงที่ทำเสร็จแล้วไปยังนิตยสารดนตรีที่ชื่อ Sonic ผลลัพธ์คือเสียงวิจารณ์ที่ดี และยังได้รับเลือกให้ถูกบรรจุลงไปในแผ่นซีดีตัวอย่างที่แถมไปนิตยสาร ค่ายเพลง Labrador Records (เจ้าพ่ออินดี้ของสวีเดน) ได้ยินเข้า ก็รีบจับเซ็นสัญญาทันที แล้วอัลบั้มแรก Lesser Matter ก็ออกสู่รูหูประชาชน
Per Blomgren ออกจากวงไปก่อนที่อัลบั้มแรกจะวางแผง ขณะที่ Lisa Carlberg ก็เก็บกระเป๋าตามไปติดๆ ในเวลาอีกไม่นาน
หลังจากนั้น THE RADIO DEPT. ยังไม่เคยใช้บริการมือกลองและมืองเบสคนไหนอีกเลย พวกเขาตกลงใจจะใช้โปรแกรมกลองพร้อมให้เหตุผลว่าเป็นสไตล์ใหม่สำหรับอัลบั้มที่สอง Pet Grief.
แน่นอน, คนทั้งโลกสนใจพวกเขามากขึ้น หลังจากที่หนัง Marie Antoinette ออกฉายเมื่อปี 2006
ดนตรีของ THE RADIO DEPT. ล่องลอย ชวนเคลิ้ม ติดรสหวาน แต่ก็หนักแน่นอยู่ในที พวกเขาถูกจัดอยู่ในหมวด Shoegazer ซึ่งเป็นหนึ่งในหมวดของดนตรี alternative rock หมวดนี้ตั้งชื่อโดยสื่อมวลชนอังกฤษที่ไว้ใช้เรียกวงดนตรีประเภท ‘เคลื่อนไหวน้อย’ ขณะอยู่บนเวที (คล้ายๆ กับว่าเล่นไปก็จ้องรองเท้าตัวเองไป...ทำนองนั้น) ตอนที่ออกอัลบั้มแรก นิตยสาร NME ถึงกับสรรเสริญว่าเป็น ‘a minor classic’ และได้รับการคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในสิบอัลบั้มยอดเยี่ยมแห่งปีในปีนั้น ส่วนอัลบั้มที่สองนี้ ทางค่าย Labrador Records ก็ได้สรรเสริญสำทับไปว่าเป็น ‘a major classic’ เป็นที่เรียบร้อย
ปัจจุบัน THE RADIO DEPT. มีสมาชิกสามคนคือ Johan Duncanson, Martin Larsson และ Daniel Tjader
ติดตามเพิ่มเติมได้ที่ http://www.myspace.com/officialradiodept
2 comments:
รายละเอียดงานมาเเล้ว ดูในเว็บนี้
http://www.tigerbeer.co.th/tigertranslate/calendar/200712/finale/
จัดที่สวนลุมไนท์ วันที่ 5ม.ค.
หวังว่าคงได้เจอพี่ที่เมืองกรุง
ออ โปสเตอร์งานเดือนนี้ ฟอนต์สีขาวมันดูยากน่ะ เปลี่ยนสีดีมั้ยพี่
วันนั้นที่ทำงานหยุดพอดี อาจได้ไปเจอกันที่นั่น
เอี่ยว
ขอบคุณมาก
อาจจะได้เจอหรือไม่ได้เจอ (ที่กรุงเทพฯ) ยังไม่แน่
ส่วนไอ้สีขาวๆ นั้น แค่อยากให้มันเบลอๆ ไป
เพราะเห็นว่าอากาศมันหนาวๆ เลยอยากให้ตัวหนังสือมันเลือนๆ
ถ้าทำให้ขัดใจ ก็ขออภัย
Post a Comment