Thursday, May 28, 2009

Running Time: FILM SCREENING


ข่าวด่วนจากศีรษะเกศ (see scape) ^^
ใครว่างๆ ขอเชิญนะ
.....................

You are cordially invited to:

"RUNNING TIME"

Chiang
Mai Film Screening Program 2009
May 31st, 2009/ 07.00 PM - 10:00 PM
at See Scape Gallery, soi 17, Nimmanheamin Rd., Chiang Mai

การฉาย
หนังโรงเล็ก เชียงใหม่ ครั้งที่ 1 พ.ศ.2552
เกิดขึ้นโดยการรวมตัวกันของศิลปินที่อาศัยอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่เพื่อแบ่งปันแลกเปลี่ยนและสร้างพื้นที่เผยแพร่ผลงานสู่สารณชน

Chiang Mai Mini-Film Screening 1st 2009
The selection of Films made by Filmmakers in Chiang Mai.

Participating artists : Santiphap Inkongam, Sutthirat Supaparinya, Tesprateep TesprateepChakkrit Chimnok, Pattree Chimnok, Chaisiri Jiwarangsan, Chatchai Suban, Pisithpong Siraphisut, Patavee Viranuvat, Tanyanun Aoi-Aree
ประชาสัมพันธ์และเรียนเชิญครับ

"RUNNING TIME"

โปรแกรม
ฉายหนังเชียงใหม่ 2552
วันอาทิตย์ที่ 31 พ.ศ.2552 เวลา 19.00 น. - 22:00 น.
ณ See Scape แกลเลอรี่ นิมมานเหมินทร์ ซอย 17 เชียงใหม่
ศิลปินร่วมโปรแกรม สันติภาพ อินกองงาม, สุทธิรัตน์ ศุภปริญญา, ปฐมพล เทศประทีปจักรกริช ฉิมนอก, ภัทรี ฉิมนอก, ชัยศิริ จิวะรังสรรค์, ฉัตรชัย สุบรรณ, พิสิฐพงศ์ สิระพิศุทธิ์ ปฐวี วิรานุวัตร, ธันยนันท์ อ่อยอารีย์

Monday, May 25, 2009

The Reader: MOVIE


ดูแล้วสนใจความรู้สึกภายในของตัวละครเอก ที่เขาไม่ได้ปกป้องคนที่ตัวเคยผูกพันด้วย และความรู้สึกนั้นก็หลอกหลอนติดตัวเขาตลอดมา เป็นความอึดอัดสุดบรรยาย ดูไปก็คิดไปว่าถ้าเราอยู่ในสถานการณ์อย่างนั้น เราจะปกป้องคนบริสุทธิ์คนหนึ่งหรือไม่ หรือว่าจะปล่อยตามน้ำไป ยิ่งถ้าคนๆ นั้นเป็นคนที่เราผูกพัน หรือเคยผูกพันด้วย

บังเอิญอ่านเจอที่อ.นิธิ เขียนในมติชนสุดสัปดาห์ (ฉบับที่ 1499) ถึงหนังเรื่องนี้ (แปลกดี ไม่ค่อยได้อ่านที่อ.นิธิเขียนถึงหนัง) แกดูแล้วเขียนว่า โลกคือประตูที่ลั่นดาล (ถึงกับเสนอว่าทำไมเขาไม่ตั้งชื่อหนังและหนังสือว่า The Locked Door) ขออนุญาตนำตอนหนึ่งที่อ. เขียนไว้มาเล่าสู่กันฟังว่า

หนังจบลงพร้อมกับที่ผมสำนึกได้เต็มเปี่ยมว่า ใช่เลย เราต่างลั่นดาลประตูขังคนอื่นให้ถูกไฟคลอกตายทั้งนั้น ไม่เฉพาะแต่ระบบกฏหมายเท่านั้น แต่ระบบสังคมทั้งระบบ ไม่ว่าจะแสดงออกในนามของศีลธรรม ความถูกต้องดีงาม เกียรติยศ ความรับผิดชอบ ความรัก กามารมณ์ ครอบครัว สถานภาพ ผลประโยชน์ ฯลฯ ล้วนเป็นเหตุให้เราลั่นดาลประตู แล้วปล่อยคนข้างในถูกไปคลอกตายทั้งสิ้น

ถ้าอยากรู้ว่าอ. พูดถึงอะไร ขอเชิญชวนให้ดูกัน

Directed by Stephen Daldry

โพรง: 'รงค์ วงษ์สวรรค์ WAS HERE (HA HA)


โพรง
เรื่องและภาพประกอบโดย วชิรา
www.rabbithood.net

พิมพ์ครั้งแรกในนิตยสาร HIP ฉบับเมษายน 2552


’รงค์ วงษ์สวรรค์ WAS HERE (HA HA)

สมัยเป็นเด็กบางลำพูนี่เรากินฟรีหมด ไม่ให้กินมึงก็ไม่ต้องอยู่ด้วยกัน ไม่ใช่บารมีสูงหรอก--แต่เหี้ย! -- เราเป็นคนเกเร แต่อย่าลืมว่าเราอ่านหนังสือมาตั้งแต่เด็ก ความใฝ่ดีมันมีมาก เราอยากเป็นนักเขียนมาตั้งแต่มัธยม 5 เพราะว่าอ่านมาก พอผ่านมรสุมช่วงนั้นไปแล้วก็ให้มันแล้วไป ถึงเวลาที่เราเบื่อชีวิตพวกนี้ขึ้นมา การรีเทิร์นสู่โลกหนังสือพิมพ์มันไม่ใช่เรื่องยาก -- ความเกเรมันเป็นหน้ากากที่จะซ่อนเร้นตัวเอง ความจริงเราไม่ใช่คนเกกมะเหรก แต่ทำไปด้วยความคึกคะนองที่อยากแก้ปมด้อยตัวเองที่เกิดมาในครอบครัวยากจน

ผมกลัวจนและไม่กลัวรวย ผู้ชายที่ทำงานย่อมมีรางวัลในหัวใจ

ข้าพเจ้าไม่ใช่นักดนตรี แต่เป็น ’รงค์ วงษ์สวรรค์ ผู้ผ่านความจริงและโกหกมากมายเพียงพอจะสนับสนุนให้มีความเชื่อมั่นในงานอาชีพ รื่นเริงในของเขตแห่งความเป็นปุถุชน และพยายามทบทวนถึงพุทธปรัชญาแห่งสันโดษ แต่บางคน (และหลายคน) เย้ยหยันว่าเน้นถึงความจน-ทำไม? “ก็เพื่อให้ความรวยอ่านกันบ้าง” ข้าพเจ้ายักไหล่ “บางทีเขาจะเปลี่ยนเป็นผู้มีคุณธรรม ไม่ใช่ประเภททำบุญข้างนอกแต่ซ่อนบาปไว้ใต้ผิวหนัง! ครับ-แล้วเขาจะมองเห็นว่าคนจนน่ารักกว่าที่ควรเหยียดหยาม และหยิบยื่นความยุติธรรมให้บ้าง ผมพยายามพูดบนหน้ากระดาษ” เปล่า! ข้าพเจ้าไม่ปฏิเสธหรือเป็นศัตรูกับคนรวยผู้มีบทบาทในทุกวงการ แต่ค้นหาหน้าที่ตามเหตุผลและความบังควรระหว่างกัน โดยไม่เล่นละคร

ผมรู้สึกว่าชีวิตมนุษย์ไม่ควรอยู่กับที่

ภาษาเป็นสิ่งที่เติบโตและตายได้เหมือนเซลส์ต่างๆ ในร่างกาย การเขียนหนังสือมันต้องหลั่งไหลไปตามกระแส คำแสลงหรือภาษาใหม่ๆ แปลกๆ บางทีมันอาจหลุดออกมาจากการอุทานของใครสักคน แล้วก็มีคนใช้ตามกันไป เห็นด้วยว่าควรมีไวยากรณ์เอาไว้เป็นต้นฉบับ เป็นหลักในการใช้ภาษา สะกดคำ สะกดการันต์ ให้ถูกต้อง แต่ถ้าเขียนตามไวยาการณ์ทั้งหมด มันก็คงจะไม่เป็นภาษาที่ให้ความเคลื่อนไหวให้สีสันของชีวิตได้ชัดเจน นักเขียนมีสิทธิคิดภาษาของตัวเองขึ้นมาใหม่ โดยมีข้อแม้ว่าต้องสื่อสารกับผู้อ่านได้ โดยรูปธรรมและนามธรรมในจินตนาการภาษา กวีเขามีอะไรที่เรียกว่า poetic license นักเขียนร้อยแก้วควรได้รับอนุญาตเหมือนกัน ผู้ชายคนนี้โดนกล่าวโทษว่าขบถกับไวยากรณ์ ขอสารภาพผิด แต่--แต่ว่าอยากให้ไตร่ตรองกับคำพูดนี้ของ ออสคาร์ ไวลด์ เขาเย้ยหยัน จ๊อร์จ มูร์ นักเขียนนวนิยายและบทละครชาวไอริชอย่างนี้ an author who wrote brilliant English until he discovered grammar... พากย์ไทยสำนวนรมควันว่า ผู้เป็นนายภาษาอังกฤษ...ผลงานของเขาอับแสงในเวลาไม่นานหลังจากเป็นทาสไวยากรณ์...

เสรีภาพเป็นลมหายใจของคน คนต้องการเสรีภาพ คนที่อยู่ในถ้ำเดินออกมาจากในถ้ำเพราะคิดว่ามันเป็นการจำกัดตัวเองเอาไว้ในขอบเขตแคบๆ ซึ่งไม่ได้สุขสบาย อาจมีโรคร้าย มีตัวหมัด ตัวอะไรมากัดกิน อากาศไม่บริสุทธิ์ เสรีภาพก็เหมือนอากาศที่เราหายใจ ฉะนั้น เสรีภาพคือลมหายใจของมนุษย์ บางคนผู้มีอารมณ์ขันแบบป่วยไข้เขากัดลิ้นพูดว่า เสรีภาพเป็นอันตราย always dangerous but it is the safest thing we have

การกบฏเปรียบเสมือนลมหายใจ เช่นเดียวกับเสรีภาพ ถ้าคนเราถูกจำกัดขอบเขตของความคิดรวมทั้งการกระทำ เราก็ต้องกบฏ

ความเหงาเป็นเพื่อนที่ดีที่สุด คนเราต้องรู้จักเล่นกับความเหงา มันช่วยอะไรเราได้เยอะ เวลาเขียนหนังสือไม่เหงาเพราะมีตัวละครเยอะแยะ มีฉากที่จะให้เราเดินเข้าไป อาจจะขี่ม้าหรือขับรถยนต์สปอร์ตเข้าไปก็ได้ แต่การอยู่คนเดียวเฉยๆ เงียบๆ สิเหงา แต่ไม่เคยได้ยินว่ามีความเงียบแท้จริงบนโลก บนสวยทูนอินจะได้ยินเสียงหนอน เสียงแมลง เสียงนกกลางคืน เสียงสัตว์ที่ออกมาหากิน กลางคืนเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา ไม่เคยมีความเงียบเลยในชีวิต ตอบได้ไหมว่าความเงียบอยู่ที่ไหน ไม่มี อยู่ถ้ำก็ไม่มีความเงียบ ที่พูดกันเรื่อง silent night มันเป็นเรื่องจินตนาการ ความเงียบมันไม่เป็นความจริง -- ความเหงาเป็นสถานการณ์ชั่วคราวที่เราคิดไปเอง เป็นมายาชนิดหนึ่งที่เราเป็นอุปาทานไปเอง มันไม่เป็นความจริง

เพื่อนเป็นของขวัญชิ้นงดงามที่เราเลือกให้ตัวเอง--a present you give yourself ไม่ใช่มีใครมาซื้อให้ ไม่ใช่บัตรส.ค.ส. ไม่ใช่ของชำร่วยในเทศกาลตรุษ ไม่ใช่ตะกร้าหวายหรือไอ้ขิกไม้มะเกลือ สินค้า one village one product คนที่เลือกเพื่อนไม่เป็นเรียกว่าเป็นคนที่อ่อนแอและโง่ เราจะโทษใครไม่ได้ถ้าเลือกเพื่อนผิด -- แกนนำของสังคมไทยคือเพื่อน ไม่ใช่นายจ้าง ไม่ใช่นายทาส การเลือกเพื่อนที่ดีจะเป็นความสุขอันนิรันดร์ จะเป็นความผูกพันที่งดงาม อย่างน้อยวันนี้เรามีของกินวิเศษ เราอยากจะชวนเพื่อนมากินด้วย ดักนกปีกสวยได้มาจากป่าก็อยากให้เพื่อนมาป้อนข้าวนกด้วยกัน แต่ถ้าเรามีความทุกข์ เราก็ไม่อยากไปบอกเพื่อน เรากลัวเพื่อนทุกข์ไปด้วย หรือพูดอีกอย่าง one will listen to your troubles without telling his...นี่คิือความรู้สึกที่งดงามของมนุษย์ นอกเหนือไปจากพ่อแม่ และครู -- เพื่อนเป็นความจริงของชีวิตเท่ากับเงาของตัวเองในแสงแดดเวลาบ่าย

สิ่งที่สอนลูก สอนทุกคนที่มาที่บ้านนี้ คือขอให้คิดถึงคนอื่นมากๆ คิดถึงคนอื่นโดยไม่หวังผล แล้วมันจะดีเอง

ความรักเป็นภาพลวงตาที่ชวนให้คิดไปได้มากมาย ภาพแมลงตอมเกสรดอกไม้เป็นภาพที่สวยงามที่สุด แต่แมลงตัวนั้นอาจมีจิตมุ่งประสงค์ร้ายกับเกสรและกลีบของดอกไม้ก็ได้ เรามองภาพความรักว่าเป็นเรื่องที่ส่วนตัวเหลือเกิน แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องแบ่งความรักไปให้คนอื่น ขณะที่เรากำลังอยู่กับผู้หญิงสักคนที่เรารัก นั่งกันอยู่ที่ระเบียงบ้านแล้วมองออกไปเห็นภูเขา เห็นแม่น้ำ มันสวยงามเหลือเกินโรแมนติกมาก เราได้ยินเสียงเพลงเพราะๆ แผ่วๆ ได้ยินเสียงนกร้อง ก็คิดถึงการเมกกิ้งเลิฟ แต่เราควรแบ่งเวลาเอาไว้สักนาทีสองนาที เพื่อจะคิดถึงเด็กแอฟริกาที่กำลังจะอดตาย คนในสลัมที่นิวยอร์กกำลังถูกหนูตัวโตแทะลูกที่นอนอยู่ในเบาะ คนจนที่ประเทศไทยกำลังขาดแคลนเสื้อผ้ากันหนาว ขาดแคลนอาหาร -- ความรักควรจะเป็นสิ่งที่เปิดเผย ในขณะเดียวกันก็ควรเผื่อแผ่ไปถึงคนอื่น มากกว่าผู้ชายกับผู้หญิงสองคนเท่านั้น

นักปราชญ์ นักปรัชญา หรือคนที่เฝ้ามองโลกมานานๆ พยายามจะเปรียบเทียบความตายโดยที่ตัวเองยังไม่เคยตาย บางลัทธิถือว่าความตายคือการพักผ่อน บางลัทธิถือว่าความตายเป็นการลาจากไปชั่วคราวก่อนที่จะกลับมาเกิดใหม่ หนอนบางตัวบอกว่าความตายเป็นความบรรลุนิติภาวะอันสมบูรณ์ complete maturity คนที่มีชีวิตอยู่จะรู้ได้อย่างไรว่าความตายเหมือนกับการพักผ่อน

การมองเข้าไปในความหลัง ก็เช่นเดียวกับการอ่านหนังสือที่ยังไม่ได้เขียน

...........
ด้วยรักและระลึกถึง

*ข้อความทั้งหมดคือข้อความของ ’รงค์ วงษ์สวรรค์

ทะลุหูขวา : Planet Funk: MUSIC


PLANET FUNK

PLANET FUNK คือวงดนตรีอิเล็กโทรนิกแดนซ์ดาวเด่นจากอิตาลี ก่อตั้งเมื่อปี 1999 ประกอบด้วย Sergio Della Monica, Alex Neri, Domenico GG Canu, Marco Baroni และ Alessandro Sommella ซึ่งเป็นสมาชิก ‘ในเงา’ อีกคนหนึ่ง (Alessandro Sommella เกิดที่เมืองนาโปลี ในอิตาลี เมื่ีอปีค.ศ.1956 เรียนเบส ดับเบิ้ลเบส กีตาร์ และไวโอลิน เขาเล่นดนตรีอยู่ในลอนดอนกับวง Souled Out และเริ่มก่อตั้งวง PLANET FUNK ร่วมกับคนอื่นๆ ในภายหลังโดยนำชื่อ PLANET FUNK มาจากชื่อเพลงที่ Alex Neri เคยทำเอาไว้) นอกจากทำดนตรีกันเองแล้วนั้น PLANET FUNK ยังโดดเด่นในแง่ที่พวกเขาทำงานร่วมกับนักร้องรับเชิญอีกมาก เช่น Auli Kokko, Dan Black, Sally Doherty, Raiz และ John Graham

ซิงเกิ้ลแรกชื่อ Chase the Sun ติดอันดับห้าบน UK SINGLE CHART ในปี 2001 เพลงนี่เป็นที่นิยมขึ้นเรื่อยๆ เมื่อช่องรายการกีฬา Sky Sports เลือกนำไปใช้เป็นเพลงประจำการแข่งขันปาลูกดอกนัดสำคัญๆ ที่ Professional Darts Corporation (หรือ PDC-องค์กรผู้จัดการแข่งขัน World Professional Darts Championships) เป็นผู้จัด แต่ละการแข่งขัน ผู้ชมในสนามจะถูกชักชวนให้ร้องเพลงนี้ตามในช่วงพักเบรกโฆษณา ซึ่งในสุดเพลงนี้ก็กลายเป็นวัฒนธรรมของแฟนๆ กีฬาปาลูกดอกไปโดยปริยาย นอกจากนั้น เพลงนี้ยังถูกร้องโดยแฟนฟุตบอลของทีม Newcastle United Jets ซึ่งเป็นทีมฟุตบอลในระดับ A-League ของออสเตรเลีย (A-League คือลีคฟุตบอลขั้นสูงสุดของออสเตรเลีย ซึ่งทีม Jets เคยคว้าแชมป์ไปเมื่อฤดู 2007-2008) แต่ยังไม่หมดแค่นี้ เพราะเพลง Chase the Sun ยังเป็นเพลงประจำโฆษณาทางทีวีของ Melbourne Spring Racing Carnival ตั้งแต่ช่วงกลางจนถึงปลายทศวรรษ 2000 อีกด้วย

แล้ววันหนึ่งเพลง Chase the Sun ก็ฮิตติดลมอยู่บนเกาะ Ibiza อย่างที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน

ซิงเกิ้ลที่สอง ‘Inside All the People’ แตะถึงอันดับ 9 ใน Italian Single Chart แต่ขึ้นอันดับสูงกว่าใน European Dance Charts ส่วนซิงเกิ้ลที่สาม ‘Who Said (Stuck In The UK) ก็ได้รับความนิยมมากขึ้นในท้องตลาด ยาวนานมาจนถึงช่วงเวลาที่เพลง ‘Static’ ถูกปล่อยออกมาในปี 2007 (และต่อมาซิงเกิ้ล Static นี้ก็ไปปรากฏในเกมฟุตบอล FIFA 08!)

เมื่อเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น PLANET FUNK ก็เริ่มได้รับคำชวนให้ร่วมทำงานกับศิลปินคณะอื่นๆ อย่าง Simple Minds และทำงาน remix เพลงให้กับ New Order (เพลง Waiting for the Sirens’ Call) และ Faithless

ในเดือนพฤษภาคม 2006 PLANET FUNK เป็นวงดนตรีวงแรกของโลกที่ปล่อยซิงเกิ้ลในดาวน์โหลดครั้งแรกในโทรศัพท์มือถือ และเพลงนั้นก็คือ Stop Me (แต่ไม่ได้หาว่าผลตอบรับเป็นอย่างไร)

ล่าสุดเมื่อปี 2009 พวกเขาเพ่ิงปล่อยซิงเกิ้ล Lemonade ออกมา ต่อไปเพลงนี้จะอยู่ในอัลบั้มใหม่ที่ยังไม่มีกำหนดออก


I'm flying away
Running like the wind
As I chase the sun
Up spinning around
Circles in my mind
Sailing over ground

Song: Chase the Sun
Artist: Planet Funk
Album: Non Zero Sumness

Sunday, May 17, 2009

Watermelon: FFW MAIL

ได้เมลนี้มา ใครมีโอกาสทดลองแล้วช่วยบอกด้วยนะว่าจริงมั้ย
จะได้เลิกถุยเม็ดแตงโมเรี่ยราดเสียที

^^


Thursday, May 14, 2009

F>O>D>E>24>THANK YOU!


ขอขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมสนุกกัน บรรยากาศดีแท้ๆ (ไม่รู้ว่าคนที่ได้มาจะรู้สึกยังไงเหมือนกันนะ) และคนที่ได้มาก็คงรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในคืนนั้น -_-'

รอดูรูปละกันนะ

ขอบคุณมากๆๆๆ อีกครั้ง
^^

RH

ปล เดือนหน้า (มิถุนา) งดงานหูนะครับ เพราะต้องเตรียนแสดงงานภาพถ่ายในกิจกรรมชื่อ 'โฮะโซะ' ที่เชียงใหม่ โปรดติดตามรายละเอียดต่อไปนะ

Sunday, May 10, 2009

FALL ON DEAF EARS: MAY 2009


(scroll down for lousy eng)

RabbitHood presents

Fall On Deaf Ears 24: A New Begining
+Introducing A Newest Rock Band In Town
: MIGRATE TO THE OCEAN (Acoustic Live)

Tuesday 12th May 2009
@ minimal gallery (nimman soi 13)
9.00 PM till Midnight! (MIGRATE LIVE at 11 PM!)

Admission Free and No Table Reservation at all.
More info call 086 663 0303
or visit: www.rabbithood.net

Previous F>O>D>E>Introducing PORTISHEAD>
visit: www.rabbithood.net/fode23

Next Event: F>O>D>E>25>...unknown
.......................................................................

สวัสดีพฤษภา ^^
หายหน้าไปหนึ่งเดือน ผ่านสงกรานต์วุ่นวาย เชื่อว่าคงไม่มีใครสบายใจเท่าไหร่นัก

ก่อนอื่นขอขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมงานหูครั้งที่แล้ว (Introducing Portishead Music) สนุกสนานและมีความสุขแบบมึนๆ (ตามเพลง) ดีเหลือเกิน...ว่างๆ เข้าไปชมรูปวันงานได้ที่ลิ้งค์ข้างบนนะ และต้องขออภัยที่งดจัดงานไปเมื่อเดือนที่แล้ว บรรยากาศบ้านเมืองก็อย่างที่รู้ๆ กันอยู่

เดือนนี้งานหูจัดเป็นครั้งที่ 24 แล้ว ครบสองโหลพอดี เลยถือโอกาสเริ่ม A New Beginning เสียทีส่วนจะผิดแผกแตกต่างจากเดิมยังไงบ้างนั้น ก็ขออุบไว้ให้ได้เจอกันในงานจะดีกว่า
แต่ที่คิดว่าไม่เปลี่ยนแน่ๆ คือบรรยากาศสุดอบอุ่นของเรา-ไม่ใหญ่ ไม่เล็ก ขนาดกำลังพอดีๆ

ว่าแล้วก็ขออนุญาตแนะนำวงดนตรีที่เป็นแขกรับเชิญเดือนนี้-สั้นๆ

Migrate to the Ocean เป็นวงดนตรีน้องใหม่ ที่เพิ่งรวมตัวกันได้ไม่นาน ภายใต้โปรเจกต์ NO SIGNAL INPUT 2.2เราทำเพลงกันเอง งูๆ ปลาๆ เอาความบ้าบอเป็นที่ตั้ง (เคย cover เพลงคนอื่นแล้วไม่สนุก)ทำไปทำมาชักสนุกใหญ่ ก็เลยเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง เพลงของ Migrate น่าจะเป็นเพลงร็อก (มีคนเคยนิยามว่าเป็น ร็อกอื้ออึง!) แต่คราวนี้เราจะมาในรูป acoustic (หมายความว่าน่าจะอื้ออึงน้อยลง)แล้วเดือนนี้ก็มีทัวร์ร่วมโขยงไปกับ NO SIGNAL INPUT 2.2 ด้วย ลองติดตามรายละเอียดของวงได้ที่นี่http://www.migratetotheocean.com/


ส่วนถ้าใครสนใจเพื่อนๆ NO SIGNAL ของเรา ก็เข้าไปแวะชมได้ที่นี่นะ www.cmnosignal.com

ไปล่ะ! ไม่รู้ว่าลืมเขียนอะไรอีกหรือเปล่า
เอาเป็นว่าเจอกันวันงานละกันนะ-อังคารที่ 12 พฤษภา สามทุ่มตรง (Migrate เล่นห้าทุ่ม)
สำหรับท่านที่ต้องทำงานหรือเรียนในวันรุ่งขึ้นก็ไม่ต้องกังวลจัดงานที่ minimal เลิกดึกไม่ได้ ต้องเลิกตรงเวลา เพราะเดี๋ยว 'พ่อ' มา (555!)
ในงานก็มีเกมมาชวนกันร่วมสนุกด้วย (หาทุนเข้า RH บ้างอะไรบ้าง) กระเป๋ากระต่ายก็ยังมีเหมือนเดิม (คราวนี้มีลายใหม่จริงๆ เสียที)ส่วนคราวที่แล้วท่านที่บ่นว่าค็อกเทล 'ทะลุหูหมา' อ่อนไป คราวนี้ขอให้กลับมาใหม่!- อย่าท้อก็ละกัน

อ้อ...เกือบลืมสิ่งที่สำคัญที่สุด เดือนนี้เปิด Modern Rock จ้า!

เจอกัน

^^
วชิรา
RabbitHood
http://www.rabbithood.net/
http://www.beautifulbreathless.com/
..........................................................................................

Dear all,
Thx for visiting our last F>O>D>E>23>Introdicing Portishead Musichere is the link to check it out what really happened ---> www.rabbithood.net/fode23

This month is the 24th F>O>D>E>, so it s time for 'A New Beginning!' Come and see what s a different.

We also so introduce a newest rock band in town, Migtare to the Ocean. (www.migtaretotheocean.com) And they will show an acoustic live from 11 till 11.30.
MTTO is also a part of No Signal Input 2.2 Project, The Independent Chiangmai based Musicians (www.cmnosignal.com)

Let's Modern Rock!

^^
see you
vajira,
RabbitHood
http://www.rabbithood.net/

The Last King of Scotland: MOVIE


วันก่อนนอนไม่หลับ เลยบังเอิญได้ดูเรื่องนี้
ชอบที่ได้เห็นความห่ามของวัยรุ่นคนหนึ่ง ที่คิดอะไรแต่จากมุมของตัวเอง
แล้วสุดท้ายก็เกิดผลเลวร้ายตามมา ในสถานการณ์ที่ไม่ใช่แค่แกล้งเพื่อน
แต่หมายถึงชีวิตของคนอื่นๆ มากมาย

โลกที่อยู่รอบตัวเรา อาจไม่ได้เป็นอย่างที่เห็นจริงๆ หรอก
(แอบสงสัยว่าอีดี้ อามิน จริงๆ เป็นอย่างในหนังหรือเปล่า)

Directed by Kevin Macdonald

Saturday, May 9, 2009

Jai Guru Deva: BAR (PARTY)

ข่าวจากกรกฤช ^^
บาร์ใหม่ในเมือง ชื่อประหลาด 'ใจกูรู้ดีว่า' (Jai Guru Deva)
กรกฤชบอกว่าชื่อ Jai Guru Deva มีคำแปลจริงๆ ด้วย
แปลว่าขอแสดงความเคารพต่อครูบาอาจารย์และเทพเทวา (จำมาได้ประมาณนี้)

เริ่มเปิดตัวครั้งแรกวันอาทิตย์นี้ รายละเอียดตามในโปสเตอร์
ใครว่างฝากชวนไปเที่ยวเล่นกันนะ

^^

Tuesday, May 5, 2009

สุภาพบุรุษ? : FFW MAIL

ลังเลอยูสักพักว่าจะโพสต์เรื่องนี้ดีไหม เพราะไม่อยากถูกลากเข้าไปเกี่ยวกับสงครามสีที่ระบาดอยู่ในบ้านเมืองเรา แต่สุดท้ายก็...อย่างที่เห็น

ยืนยันอีกครั้งว่านี่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่อง การเมือง หรือเรื่อง การแบ่งสี ใดๆ ทั้งสิ้น

พอได้เห็นฟอร์เวิร์ดเมลนี้ก็รู้สึกสะท้อนใจเรื่องท่าทีของการต่อสู้ บนสมมติฐานว่าคงเป็นเรื่องระหว่างสองฝ่ายที่เป็นอริกัน

อริ ที่เป็น 'ศัตรู'

ผมไม่รู้จริงๆ ว่ารองเท้าแตะที่ถูกส่งมาทางอีเมลนี้พร้อมหัวเรื่องว่า "มีกันหรือยัง..รองเท้า in trend ตอนนี้" มีจำหน่ายหรือจ่ายแจกกันจริงๆ หรือไม่ ถ้ามี ก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครเป็นคนทำ และทำขึ้นมาเพื่อจุดประสงค์ใด แต่เมื่อมองในมุมของการต่อสู้ก็รู้สึกว่านี่เป็นการต่อสู้ในแบบที่ไม่น่าสนใจ เพราะมองไม่เห็นความหมายอื่นนอกจากการเหยียบย่ำดูถูก

ผมคิดว่าศัตรูก็ควรได้รับเกียรติในการต่อสู้ ไม่ว่าเขาจะมีเกียรติหรือไม่ก็ตาม เพราะไม่ว่าจะอย่างไร เขาก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง ที่โดยพื้นฐานแล้วนั้น เราต่างมีศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์เท่าๆ กัน

ไม่เกี่ยวกับรวยหรือจน ไม่เกี่ยวกับเป็นนักการเมืองหรือชาวบ้าน หรือไม่เกี่ยวกับหน้าตาหล่อ (สวย) หรือขี้เหร่

นึกถึงการต่อสู้ของซามูไรในสมัยก่อน ที่ต่อสู้กันตามกติกา โดยให้เกียรติผู้แพ้ แม้จะเป็นผู้ชนะ
นึกถึงกษัตริย์ในหนังเรื่อง Troy (กำกับโดย Wolfgang Petersen) ที่เมื่อลูกชายสุดที่รักพ่ายแพ้ในดวลแบบตัวต่อตัว และต้องบากหน้าเสี่ยงอันตรายไปหา Achilles ตามลำพังเพื่อขอเอาศพลูกชายกลับไปทำพิธี และ Achiless ก็เข้าใจ

ผมเชื่อเอาเองว่า ศัตรู ในชีวิตคนเรานั้นไม่น่าจะมีมาก (แม้ว่าเราจะอยู่ในโลกที่ใครๆ ก็ต่างต้องเอาชนะคนอื่น) ซึ่งถ้าจะว่ากันอย่างถึงที่สุด เราอาจไม่มีศัตรูจริงๆ เลยก็ได้ นอกจากตัวเราเอง แต่ถ้าจำเป็นต้องมี ผมก็คิดว่าการมีศัตรูเปรอะไปหมดก็ไม่น่าจะใช่เรื่องดี

ว่ากันว่า มิตร นั้นต้องคู่ควร ผมคิดว่า ศัตรู ก็เช่นเดียวกัน

การต่อสู้เพื่อความถูกต้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อความถูกต้องของคนหมู่มากในสังคมนั้นเป็นเรื่องที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งที่มนุษย์สามารถกระทำเพื่อคนอื่น ผมไม่มีเหตุผลอะไรจะคัดค้าน ไม่ว่าจะในระดับย่อยแถบละแวกบ้าน หรือใหญ่โตในระดับประเทศ

แต่ช่วยสู้กันอย่าง สุภาพบุรุษ (หรือสุภาพสตรี) จะได้หรือไม่? เราจะได้ไม่ต้องคอยอ่านหรือฟังการโจมตีโดยใช้เงื่อนไขของเรื่องศีลธรรมโง่ๆ มาเอาชนะกันว่าใครดีกว่าใคร

ทั้งระดับกระซิบนินทา หรือในระดับการให้ข่าวสารในพื้นที่สาธารณะ

ใครจะโกง จะชั่ว จะคอรัปชั่น ก็ช่วยอธิบายกันให้กระจ่างแจ้ง แต่ดูตอนนี้จะไม่ค่อยมีใครสนใจ เนื้อหา ในเชิง การงาน เท่าไหร่นัก (เรายกภาระนี้ให้นักวิชาการ?) ทั้งที่มันเป็นสาระสำคัญในการเคลื่อนตัวไปข้างหน้าของสังคม

หนำซ้ำยังเป็นสาระสำคัญของการต่อสู้เรียกร้องไม่ใช่หรือ

เพิ่งอ่านบทสัมภาษณ์คุณกษิต ภิรมย์ ใน Esquire (ฉบับเดือนเมษา 2009 หน้า 138) ช่วงเริ่มบทสัมภาษณ์มีข้อความที่เขียนบอกว่าเป็น 'บางส่วนของการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2552' ข้อความนั้นอ่านว่า...

"คงจะสืบเนื่องคำกล่าวให้สัมภาษณ์ของคุณทักษิณจากต่างประเทศ ตั้งแต่ผมเข้าสู่แวดวงการเมืองมาสี่ห้าปี เป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ก็ดี หรือขึ้นไปอยู่บนเวทีพันธมิตรก็ดี สิ่งหนึ่งที่ตั้งใจอยู่ตลอดเวลา คือการพูดอะไรที่เป็นสาระเนื้อหา หรือเป็นคำพูดที่เกี่ยวกับอุดมการณ์ พูดเรื่องเกี่ยวกับความชอบธรรม หรือจะวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของระบอบทักษิณก็ดี ต่างๆ เหล่านี้ก็เพื่อให้เห็นความต่าง ว่าผมไม่เห็นด้วยอย่างไร ไม่ได้มีเจตนาและความมุ่งมั่นในการโจมตีเรื่องส่วนตัว ผมมีความเป็นลูกผู้ชายเพียงพอที่จะไม่เล่นกันใต้สะดือ ไม่เคยกล่าวโจมตีคุณทักษิณในเรื่องส่วนตัวเลย ทุกสิ่งทุกอย่างโยงไปได้เกี่ยวกับการทำงานในระบอบทักษิณที่ปกครองประเทศเป็นเวลาหลายปี ทั้งในเรื่องที่ผมเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ตลอดเวลาที่ทำงานกับคุณทักษิณในปี 2545"

ผมไม่ได้ติดตามการปราศัยของคุณกษิต ก็เลยไม่ทราบว่าเป็นจริงอย่างที่เขาพูดหรือไม่ แต่บนสมมติฐานว่าสิ่งที่คุณกษิตพูดมานั้นเป็นความจริง ผมก็คิดว่านี่เป็นการต่อสู้ที่รื่นรมย์ไม่น้อยเลย

วชิรา
(ไม่เกี่ยวกับสี)

ปล ขอบคุณ Esquire ครับ ^^

Dollar 009 : EXHIBITION



ข่าวล่ามาจากโลเลครับ ชาวบางกอกมีโอกาสแล้วน่าจะแวะไปชมกันนะ ^^
ลองเข้าไปติดตามรายละเอียดได้ที่นี่
http://lolaytoon.exteen.com/

.................................................................
DOLLAR 009
by Lolay

Place : Paragon Park area at Siam paragon (BTS SIAM station) Bangkok Thailand.

Style : Conceptual Art
Date : 1-10 may 009
Detail : SculptureMaterial : FiberglassSize : H - 6.30 M. W - 2.5x6 M.

" Something......that human life and world were moving depend on its status and changing. "

DOLLAR 009

สถานที่ ณ ลาน Paragon พารากอน
รูปแบบ : Conceptual Art
รายละเอียด : ประติมากรรมหุ่นเด็กหญิงในท่านั่ง
วัสดุ: ผลิตจากไฟเบอร์กลาส เคลือบสี
ขนาด : สูง 6.30 เมตร กว้าง 2.5 x 6 เมตร

"สิ่งหนึ่ง....... สถานะการเคลื่อนตัว และการเปลี่ยนแปลงของมันส่งอิทธิพลต่อชีวิตของประชากรและความเป็นไปของโลก"

Dollar ถูกสร้างขึ้นมา เป็นตัวแทนของมนุษย์ที่ดำรงชีวิตอยู่บนโลกที่ต้องตั้งรับ ปรับตัว เตรียมพร้อมกับความเปลี่ยนแปลงและความเป็นไป........ของโลก...........เศรษฐกิจ การเมือง สิ่งแวดล้อม เทคโนโลยีที่ไม่มีความแน่นอน ....ผันผวนอยู่ตลอดเวลา ผมสร้างหุ่นเด็กหญิง Dollar ให้มีรูปร่างสีขาวนวล ดูเหมือนมนุษย์ที่อยู่ในชุดยูนิฟอร์มมันดูคล้ายจะเป็นมนุษย์จากต่างดาว และมีขนาดใหญ่กว่าคน วางตำแหน่งอยู่ในพื้นที่ที่มีกิจกรรม มีกลุ่มคนเดินขวักไขว่ตลอดทั้งวัน ดวงตา จดจ้องอยู่กับบางสิ่งบางอย่าง เหมือนรอ เฝ้าคอย คิด ทีท่า ของ Dollar ไม่ผ่อนคลาย รอ เฝ้าคอย คิด....บางอย่าง ต่างจากสภาพแวดล้อม ผู้คนซึ่งดูมีชีวิต เคลื่อนที่ ตลอดเวลา....

เวลากลางวัน Dollar อยู่ร่วมกับผู้คนที่อยู่ในพื้นที่เวลากลางคืน ที่ทุกคนกลับบ้านกันหมด Dollar โดดเดี่ยว คนเดียว....(Dollar ไม่ไช่คน)_________________________________________________________
Dollar 009 เป็นส่วนหนึ่งของงาน Art and Cultural Festival "Bangkok...bananas!!"1 - 10 พ.ค. 2552
1 - 10 May 2009 ข้อมูลและรายละเอียดเกี่ยวกับงาน http://bangkok-bananas.blogspot.com/

The Red Tree Puppet Performance: THEATRE (EXTENDED)


มาแล้ว! ข่าวเพิ่มรอบแสดงสำหรับท่านที่พลาดหรือกำลังลังเล ^^

....................................................................
THE RED TREE

เนื่องจากผู้ชมให้ความสนใจกันอย่างอบอุ่นและมาให้กำลังใจกันอย่างล้นหลามต่อเนื่องตลอด 6 คืนที่ผ่านมา ทางทีมงานตัดสินใจเพิ่มรอบพิเศษอีก 3 รอบ เพื่อเป็นการขอบคุณ และขออภัยผู้ชมหลายท่านมารอหน้างานแต่ยังไม่สามารถเข้าชมการแสดงได้

เพิ่มรอบพิเศษ 3 รอบ
วันที่ 8 -10 พฤษภาคม 2552 ( บัตร 50 บาท )

***พิเศษสุด ร่วมประมูลหุ่น จากตัวละครเอกของเรื่อง มีจำนวนจำกัด

ทุกรอบแสดงเวลา 19.00 น..
กรุณาสำรองที่นั่งล่วงหน้า และมารับบัตรก่อนเวลา 30 นาที หน้างาน

โทร 085 0401565 ณ เทพศิริ แกลอรี่ ซอยวัดอุโมงค์ หลังมช. เชียงใหม่
ในงานมีมุมนิทรรศการภาพวาดสีน้ำ Illustration โดย ศิลปินรับเชิญ คุณวันเอก จันทราทิพย์ จากโป่งน้อยอาร์ตสเปส ในงานมีมุมของว่าง เครื่องดื่ม จัดจำหน่าย

We would like to thank you for all visiting and encouragement. We've got full house for last 6 night performances. And we apologized for those who were on the waiting list but could not get a seat. So we decided to extend for 3 more performances.

Fri/ Sat/ Sun 8 – 10 May 2009 ( 50 Baht )
***Special program , puppet auction from the main character limited version hand made by artist Vasin Mitsupan
Show time 19.00 pm. @ Thepsiri Gallery, Soi Wat Umong behind the CMU campus Chiang Mai

Ticket Reservation: 085 0401565
Pleas pick up the ticket 30 mins before the show start !

Pleas come before time to enjoy the gallery, including a special exhibition called “Illustration”
by invited artist Mr. Wonaek Juntaratip from Pong Noi Art Space
Cafeteria corner is available on the performance day
Tel 085 040 1565 www.wanderingmoontheatre.com

Monday, May 4, 2009

Bar Shaky: BAR


ข่าวจากคุณปุ๊ แห่ง Warm ^^

................................................................
acoustic music & dj
mon 11 . 5 . 09


djS
dj job
dj shaky
dj scooby doo

live music [ acoustic ]
Naow yen [ 9.30 pm- 10.30 pm ]
lucky [warm up cafe ] 8.30 pm - 9.30 pm
skin & auey -[Electric Piano] 7.30 pm - 8.30 pm

food
ball dakiller & ammy

BAR SHAKY
Drink and chilled with us
on mon - sat
Live music or DJ every month on 11th jazz,blues,rock,electronic music
See you 5pm until mid night

please order and pay at the bar
thank u
FREE WIFI

Tel. 0819932985
36/7 HUAY KAEW ROAD,MUANG DISTRICT,CHIANG MAI 50300
[ถนน ห้วยแก้ว ก่อนถึงกาดสวนแก้ว ตรงข้ามโรงเรียน ศรีธนาพาณิช]

THANK U mate

Incredible India: MUSIC


ถ้าใครได้ดูหนังโฆษณาเมืองนอกบ้าง (เจอบ่อยใน CNN ช่วงนี้) ขอแนะนำให้ฟังเสียงร้องเพลงในโฆษณา Incredible India ชุดที่เป็นนักท่องเที่ยวผู้ชายคนหนึ่ง ไปเที่ยวอินเดียอย่างสนุกสุดๆ แล้วตอนจบก็เขียนข้อความในโปสการ์ดว่า Incredible India ก่อนจะเดินจากไปบนถนน (ไม่ใช่ชุดในรูปนี้นะ พยายามหาแล้วแต่หาไม่เจอ)...เธอจะมาตอนท้ายเพลง แล้วร้องว่า India...Incredible India ในสำเนียงอินเดีย ด้วยน้ำเสียงที่สุดจะบรรยาย

^^

The Red Tree Exhibition @ Thepsiri Gallery

ตอนไปดูละครหุ่น The Red Tree เขามีนิทรรศการให้ดูด้วย น่ารักดี
ส่วนที่ข้างหน้าก็มีขายของเล็กๆ น้อย เห็นเด็กๆ มุงกันเต็มเลย
ได้ข่าวแว่วๆ ว่าเขาจะเพิ่มรอบแสดง ยังไงติดตามข่าวกันนะ

ปล ไม่ได้ถ่ายรูปตอนแสดงมาเลย ที่จริงเขาให้ถ่ายนะ แค่ห้ามใช้เฟลช
แต่ก็ไม่ได้ถ่ายเพราะอยากตั้งใจดู (เข้าไปช้าได้ที่นั่งไม่ค่อยดี โดนบัง)
รู้สึกดีที่ไม่ได้ถ่าย เพราะรำคาญเสียงชัตเตอร์ของคนข้างๆ มาก!

Sunday, May 3, 2009

Kung Fu Panda: MOVIE


หยุด! ห้ามบ่นว่าเอ้าท์!! (ก็เพิ่งได้ดูกะเขานี่นา -_-')
ชอบมากกกกกกก กวนตีนโคตรๆๆ
แต่ก็ไม่ใช่สักแต่ว่าตั้งหน้าตั้งตากวนตีนอย่างเดียว
ปรัชญาในเรื่องก็จีนเชียว

ชอบตอนที่แพนด้ากำลังลังเลว่าจะยอมรับว่าตัวเองเป็นผู้ถูกเลือกหรือเปล่า แล้วผู้เฒ่าเต่าบอกว่า

You are too concerned about what was and what will be. There is a saying: yesterday is history, tomorrow is a mystery, but today is a gift. That is why it is called the "present."

Directed by Mark Osborne & John Stevenson

The Red Tree: BOOK


นี้คือหนังสือต้นเรื่องของละครหุ่นชื่อเดียวกัน ได้พลิกๆ อ่านที่เขาวางไว้หน้างานแบบรวดเดียวจบ ชอบบรรยากาศหดหู่ในหนังสือมาก (หดหู่ได้อีก!) ได้เห็นภาวะรุมเร้าในจิตใจที่ถ่ายทอดผ่านชีวิตของเด็กหญิงคนหนึ่ง ผ่านตัวหนังสือและภาพประกอบหน้าแล้วหน้าเล่า จนพบทางออกว่าที่แท้มันอยู่ใกล้ๆ ตัวเรานี่เอง

คำตอบอาจจะไม่ได้อยู่ที่ต้นไม้ แต่อาจอยู่ที่เรารู้หรือไม่ว่ามีต้นไม้นั้นอยู่

Written and Illustrated by Shaun Tan (คนนี้เขามีหนังสือชื่อ The Rabbits ด้วยล่ะ!)