Jarvis Cocker
Jarvis Cocker (ชื่อเต็มๆ ว่า Jarvis Branson Cocker) เกิดเมื่อวันที่ 19 กันยายน 1963 ที่เมือง Sheffield ประเทศอังกฤษ เขาเป็นคนก่อตั้งและร้องนำวง Pulp (คิดถึงมั้ย?) และเป็นหนึ่งในคีย์แมนคนสำคัญของยุค Britpop ในช่วงกลางทศวรรษที่ 90
สำหรับท่านที่ไม่สันทัดวงการบริตป็อป Pulp คือวงดนตรีที่ประสบความสำเร็จที่สุดวงหนึ่งในช่วงเวลานั้น พวกเขาเป็นเพื่อนร่วมโรงเรียนกันมาตั้งแต่สมัยเรียนที่เมืองเชฟฟิลด์ แต่เดิม Cocker ตั้งชื่อวงว่า "Arabacus Pulp" (คำเรียกระบบค้าขายสินค้าที่เตะตา Cocker ในวิชาเรียนเศรษฐศาสตร์) แต่ไม่นานก็ลดทอนให้เหลือแค่ชื่อสั้นๆ ว่า Pulp เท่านั้น ว่ากันว่าความสำเร็จของ Pulp มาจากการผสมผสานดนตรีที่ได้รับอิทธิพลจากดิสโก้ ป็อปร็อค และเนื้อหาชนิดติดดินที่เรียกกันว่า Kitchen-sink drama (หรือ Kitchen-sink realism ซึ่งเป็นคำที่ใช้อธิบายความเคลื่อนไหวในสังคมอังกฤษ ที่พัฒนามาตั้งแต่ช่วงปลายทศวรรษที่ 50 ถึงต้น 60 ชุดความคิดนี้ถูกถ่ายทอดผ่านสื่ออย่าง ละครเวที ละครโทรทัศน์ นิยาย หนัง และศิลปะ ตัวละครหลักมักมีบุคลิกที่เรียกว่า angry young men ที่ใช้เป็นตัวบอกเล่าเรื่องราวของชนชั้นแรงงาน ผ่านภาพการอยู่อาศัยในห้องเช่าเน่าๆ และการถกเถียงประเด็นต่างๆ ที่เกิดขึ้นสังคมและการเมืองในผับเถื่อนๆ)
นับจากปี 1978 ถึงปี 2002 Pulp ออกอัลบั้มเต็มทั้งหมด 7 อัลบั้ม 1 อีพี 10 อัลบั้มรวมเพลง และ 24 ซิงเกิล ปัจจุบันสถานะของวงอยู่ในช่วงสุญญากาศ ไม่มีผลงานออกมาแต่อย่างใด (แต่ก็ยังไม่ได้ประกาศแยกวง)
ในปี 1996 Cocker บุกเวที BRIT AWARDS เพื่อประท้วงการแสดงของไมเคิล แจ็คสัน ที่โพสท่าราวกับเป็นพระเยซูคริสต์ รายล้อมไปด้วยเด็กๆ และแร็บไบ (พระยิว) ในเพลง Earth Song โดยที่ Cocker ด้นสดร่วมกับ Peter Mansell (เพื่อนที่ร่วมก่อตั้ง Pulp) ในการประท้วง หลังจากนั้น Cocker ถูกกักตัวและสอบปากคำโดยตำรวจในข้อหาทำร้ายร่างกาย แต่สุดท้ายเขาก็ได้รับการปล่อยตัวและไม่ถูกดำเนินคดีแต่อย่างใด (หลังจากนั้นบางสื่อก็แสดงความเห็นว่าเขาความได้รับการแต่งตั้งเป็นอัศวิน ขณะที่ Noel Gallagher แห่ง Oasis ก็ให้สัมภาษณ์ว่า Jarvis Cocker สมควรได้รับการประดับ MBE-ระดับชั้นเครื่องราชอิสริยาภรณ์ของจักรวรรดิอังกฤษ ในขณะที่ Cocker ให้สัมภาษณ์ภายหลังว่า “การกระทำของผมเป็นรูปแบบหนึ่งของการประท้วงวิธีที่ไมเคิล แจ็กสันมองตัวเองว่าเป็นราวกับภาพเหมือนของพระเยซูที่มีพลังอำนาจในการเยียวยาผู้คน...ผมก็แค่วิ่งไปบนเวที...แล้วเท่าที่นึกออก ผมก็ว่าผมไม่ได้ปะทะอะไรกับใครเลยนะ” )
ผลจากเหตุการณ์นั้นทำให้ยอดขายซีดีของ Pulp สูงขึ้นและมีรูปปั้นหุ่นขี้ผึ้งของ Cocker มูลค่า 30,000 ปอนด์ ไปวางไว้ที่ Rock Circus ในลอนดอน
ในปี 2006 Cocker ออกอัลบั้มเดี่ยวชื่อเดียวกับตัวเขา ‘Jarvis’ และออกอัลบั้มเดี่ยวอีกครั้งในปีนี้ (2009) ชื่อ 'Further Complications' นอกเหนือจากงานเพลง เขายังกำกับมิวสิควิดีโอ (ร่วมกับ Martin Wallace) เพลง "On" ของ Aphex Twin เพลง "Sudden Rush" ของ Erlend Øye และเพลง "Aftermath" ของ Nightmares on Wax (นี่ยังไม่รวมการไปแอบโผล่ในมิวสิควิดีโอเพลง "A Little More For Little You" ของวงร็อคสวีเดน The Hives หรือ cover เพลง "I Can't Forget" ในหนัง I’m Your Man ของ Leonard Cohen และทำเพลงประกอบ Harry Potter and the Goblet of Fire อีกด้วยนะ...โอย ทำงานเยอะมาก น่าสรรเสริญ)
Cocker เป็นบุตรของบิดาที่เป็นนักแสดงและดีเจที่จากครอบครัวไปอยู่ที่ซิดนี่ย์ตอน Cocker อายุ 7 ขวบ โดยไม่มีการติดต่อใดๆ อีกเลยโดยปล่อยให้แม่ของเด็กๆ เป็นคนดูแล ในปี 1988 Cocker ลาพักจาก Pulp เพื่อไปเรียนต่อด้าน Fine Art & Film ที่ Central St Martins และจบการศึกษาจากที่นั่นในปี 1991
เขาบอกว่าเขาถูกเลี้ยงดูมาในครอบครัวที่เป็นผู้หญิง และนั่นทำให้เขาสนใจว่าผู้หญิงคิดอะไรและพวกเธอเหล่านั้น ‘ต้อง’ พูดอะไร Cocker เขียนเพลง "A Little Soul" (อยู่ในอัลบั้ม This Is Hardcore) ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการถูกทอดทิ้งโดยบิดาผู้ให้กำเนิด และในปี 1998 เขาและน้องสาวเดินทางไปออสเตรเลียเพื่อพบกับพ่อที่ไม่ได้พบกันมาเกือบ 30 ปี (หลังจากนั้น Cocker พูดถึงพ่อว่า “ผมไม่ได้รู้สึกขมขื่นอะไรกับเขาเลยนะ ผมสงสารเขา”)
Cocker อาศัยอยู่ในปารีสตั้งแต่เมื่อปี 2003 กับภรรยาชื่อ Camille Bidault-Waddington กับลูกชาย Albert ปีนี้เอง (2009) เขาประกาศว่าได้หย่าขาดจากภรรยาด้วย ‘มิตรภาพ’ ที่ดี และยังคงอยู่ที่ปารีสเพื่อชีวิตลูกชาย
Hey man,
how come you treat your woman so bad?
That's not the way you do it.
No no no you shouldn't do it like that.
I could show you how to do it right.
I used to practice every night on my wife, now she's gone.
Yeah, she's gone.
You see your mother and me,
we never got along that well you see.
Song: A Little Soul
Album: This Is Hardcore
Jarvis Cocker (ชื่อเต็มๆ ว่า Jarvis Branson Cocker) เกิดเมื่อวันที่ 19 กันยายน 1963 ที่เมือง Sheffield ประเทศอังกฤษ เขาเป็นคนก่อตั้งและร้องนำวง Pulp (คิดถึงมั้ย?) และเป็นหนึ่งในคีย์แมนคนสำคัญของยุค Britpop ในช่วงกลางทศวรรษที่ 90
สำหรับท่านที่ไม่สันทัดวงการบริตป็อป Pulp คือวงดนตรีที่ประสบความสำเร็จที่สุดวงหนึ่งในช่วงเวลานั้น พวกเขาเป็นเพื่อนร่วมโรงเรียนกันมาตั้งแต่สมัยเรียนที่เมืองเชฟฟิลด์ แต่เดิม Cocker ตั้งชื่อวงว่า "Arabacus Pulp" (คำเรียกระบบค้าขายสินค้าที่เตะตา Cocker ในวิชาเรียนเศรษฐศาสตร์) แต่ไม่นานก็ลดทอนให้เหลือแค่ชื่อสั้นๆ ว่า Pulp เท่านั้น ว่ากันว่าความสำเร็จของ Pulp มาจากการผสมผสานดนตรีที่ได้รับอิทธิพลจากดิสโก้ ป็อปร็อค และเนื้อหาชนิดติดดินที่เรียกกันว่า Kitchen-sink drama (หรือ Kitchen-sink realism ซึ่งเป็นคำที่ใช้อธิบายความเคลื่อนไหวในสังคมอังกฤษ ที่พัฒนามาตั้งแต่ช่วงปลายทศวรรษที่ 50 ถึงต้น 60 ชุดความคิดนี้ถูกถ่ายทอดผ่านสื่ออย่าง ละครเวที ละครโทรทัศน์ นิยาย หนัง และศิลปะ ตัวละครหลักมักมีบุคลิกที่เรียกว่า angry young men ที่ใช้เป็นตัวบอกเล่าเรื่องราวของชนชั้นแรงงาน ผ่านภาพการอยู่อาศัยในห้องเช่าเน่าๆ และการถกเถียงประเด็นต่างๆ ที่เกิดขึ้นสังคมและการเมืองในผับเถื่อนๆ)
นับจากปี 1978 ถึงปี 2002 Pulp ออกอัลบั้มเต็มทั้งหมด 7 อัลบั้ม 1 อีพี 10 อัลบั้มรวมเพลง และ 24 ซิงเกิล ปัจจุบันสถานะของวงอยู่ในช่วงสุญญากาศ ไม่มีผลงานออกมาแต่อย่างใด (แต่ก็ยังไม่ได้ประกาศแยกวง)
ในปี 1996 Cocker บุกเวที BRIT AWARDS เพื่อประท้วงการแสดงของไมเคิล แจ็คสัน ที่โพสท่าราวกับเป็นพระเยซูคริสต์ รายล้อมไปด้วยเด็กๆ และแร็บไบ (พระยิว) ในเพลง Earth Song โดยที่ Cocker ด้นสดร่วมกับ Peter Mansell (เพื่อนที่ร่วมก่อตั้ง Pulp) ในการประท้วง หลังจากนั้น Cocker ถูกกักตัวและสอบปากคำโดยตำรวจในข้อหาทำร้ายร่างกาย แต่สุดท้ายเขาก็ได้รับการปล่อยตัวและไม่ถูกดำเนินคดีแต่อย่างใด (หลังจากนั้นบางสื่อก็แสดงความเห็นว่าเขาความได้รับการแต่งตั้งเป็นอัศวิน ขณะที่ Noel Gallagher แห่ง Oasis ก็ให้สัมภาษณ์ว่า Jarvis Cocker สมควรได้รับการประดับ MBE-ระดับชั้นเครื่องราชอิสริยาภรณ์ของจักรวรรดิอังกฤษ ในขณะที่ Cocker ให้สัมภาษณ์ภายหลังว่า “การกระทำของผมเป็นรูปแบบหนึ่งของการประท้วงวิธีที่ไมเคิล แจ็กสันมองตัวเองว่าเป็นราวกับภาพเหมือนของพระเยซูที่มีพลังอำนาจในการเยียวยาผู้คน...ผมก็แค่วิ่งไปบนเวที...แล้วเท่าที่นึกออก ผมก็ว่าผมไม่ได้ปะทะอะไรกับใครเลยนะ” )
ผลจากเหตุการณ์นั้นทำให้ยอดขายซีดีของ Pulp สูงขึ้นและมีรูปปั้นหุ่นขี้ผึ้งของ Cocker มูลค่า 30,000 ปอนด์ ไปวางไว้ที่ Rock Circus ในลอนดอน
ในปี 2006 Cocker ออกอัลบั้มเดี่ยวชื่อเดียวกับตัวเขา ‘Jarvis’ และออกอัลบั้มเดี่ยวอีกครั้งในปีนี้ (2009) ชื่อ 'Further Complications' นอกเหนือจากงานเพลง เขายังกำกับมิวสิควิดีโอ (ร่วมกับ Martin Wallace) เพลง "On" ของ Aphex Twin เพลง "Sudden Rush" ของ Erlend Øye และเพลง "Aftermath" ของ Nightmares on Wax (นี่ยังไม่รวมการไปแอบโผล่ในมิวสิควิดีโอเพลง "A Little More For Little You" ของวงร็อคสวีเดน The Hives หรือ cover เพลง "I Can't Forget" ในหนัง I’m Your Man ของ Leonard Cohen และทำเพลงประกอบ Harry Potter and the Goblet of Fire อีกด้วยนะ...โอย ทำงานเยอะมาก น่าสรรเสริญ)
Cocker เป็นบุตรของบิดาที่เป็นนักแสดงและดีเจที่จากครอบครัวไปอยู่ที่ซิดนี่ย์ตอน Cocker อายุ 7 ขวบ โดยไม่มีการติดต่อใดๆ อีกเลยโดยปล่อยให้แม่ของเด็กๆ เป็นคนดูแล ในปี 1988 Cocker ลาพักจาก Pulp เพื่อไปเรียนต่อด้าน Fine Art & Film ที่ Central St Martins และจบการศึกษาจากที่นั่นในปี 1991
เขาบอกว่าเขาถูกเลี้ยงดูมาในครอบครัวที่เป็นผู้หญิง และนั่นทำให้เขาสนใจว่าผู้หญิงคิดอะไรและพวกเธอเหล่านั้น ‘ต้อง’ พูดอะไร Cocker เขียนเพลง "A Little Soul" (อยู่ในอัลบั้ม This Is Hardcore) ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการถูกทอดทิ้งโดยบิดาผู้ให้กำเนิด และในปี 1998 เขาและน้องสาวเดินทางไปออสเตรเลียเพื่อพบกับพ่อที่ไม่ได้พบกันมาเกือบ 30 ปี (หลังจากนั้น Cocker พูดถึงพ่อว่า “ผมไม่ได้รู้สึกขมขื่นอะไรกับเขาเลยนะ ผมสงสารเขา”)
Cocker อาศัยอยู่ในปารีสตั้งแต่เมื่อปี 2003 กับภรรยาชื่อ Camille Bidault-Waddington กับลูกชาย Albert ปีนี้เอง (2009) เขาประกาศว่าได้หย่าขาดจากภรรยาด้วย ‘มิตรภาพ’ ที่ดี และยังคงอยู่ที่ปารีสเพื่อชีวิตลูกชาย
Hey man,
how come you treat your woman so bad?
That's not the way you do it.
No no no you shouldn't do it like that.
I could show you how to do it right.
I used to practice every night on my wife, now she's gone.
Yeah, she's gone.
You see your mother and me,
we never got along that well you see.
Song: A Little Soul
Album: This Is Hardcore
1 comment:
" I look like a big man
But I've only got a little soul "
P.S. Jarvis always cool
Post a Comment