Hot Chip เป็นวงอิเลคโทรป๊อปจากอังกฤษ มีผลงานออกมาแล้ว 3 อัลบั้ม อัลบั้มที่สอง The Warning ได้รับการยกย่องจากนิตยสาร Mixmag ว่าเป็นอัลบั้มแห่งปี และได้รับการโหวตให้เป็นอัลบั้มยอดเยี่ยมอันดับสี่ของปี 2006 จากนิตยสาร NME (แม้แต่อัลบั้ม Made in the Dark ก็ได้รับรางวัล ชื่ออัลบั้มยอดเยี่ยม ประจำเดือนจาก Mixmag ตั้งแต่อัลบั้มยังไม่วางออกจำหน่าย)
Hot Chip ก่อตั้งครั้งแรกในปี 2006 โดย Alexis Taylor และ Joe Goddard ทั้งคู่เคยทำงานด้วยกันมาก่อน แถมยังเคยเรียนด้วยกันที่ Elliott School ใน พัทนี่ย์ ลอนดอน ครั้งหนึ่ง Goddard เคยให้สัมภาษณ์ว่าดนตรีช่วงแรกๆ ของ Hot Chip เขียนแบบกลอนหก ด้วยกีต้าร์โปร่ง แต่ตอนหลังวงได้เปลี่ยนทิศทางของดนตรีไปโดยสิ้นเชิงเพราะว่ามัน 'โคตรน่าเบื่อ' และลองพยายามทำเพลงว่างๆ โล่งๆ ที่ไม่ต้องมีความหมายเท่าที่จะทำได้
หลายปีหลังจากที่ทำอัลบั้มกันเอง พวกเขาเซ็นสัญญากับ Moshi Moshi ในปี 2003 และออกอัลบั้ม LP 'Coming On Strong' ในปี 2004 และเริ่มทำอัลบั้มที่สองในเวลาต่อมา ช่วงเวลานั้นพวกเขาเซ็นสัญญากับ DFA ซึ่งเป็นค่ายเพลงในอเมริกาและนำอัลบั้มแรกออกวางจำหน่ายอีกครั้งในช่วงปลายปี 2005
ในปี 2006 Hot Chip ออกอัลบั้มที่สอง The Warning กับค่าย EMI ของอังกฤษ คราวนี้ชื่อเสียงของพวกเขาขจรขจายมากขึ้นทั้งในหมู่ผู้ฟังทั่วไปและนักวิจารณ์ อัลบั้มนี้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง Mercury Music Prize ในปีนั้นเอง(แข่งกับวงอื่นๆ เช่น Arctic Monkeys, Editors, Isobel Campbell, Muse, Thom Yorke และอื่นๆ -วงที่ได้รับรางวัลในปีนั้นคือ Arctic Monkeys นั่นไง!) แม้จะไม่ได้รับรางวัลแต่เพลง Over and Over และ And I Was a Boy from School ในอัลบั้มนี้ก็ติดชาร์ต UK Top 40 singlesในเดือนมีนาคมและพฤษภาคมปีเดียวกันนั้น เพลง โดยเฉพาะมิวสิควิดีโอเพลง Over and Over นั้นได้รับความสนใจเป็นพิเศษเพราะว่ากำกับโดย Nima Nourizadeh (คนนี้เป็นผู้กำกับมิวสิควิดีโอทุนต่ำที่มีชื่อเสียงมาก เชิญติดตามเพิ่มเติมได้ที่นี่ http://www.nimanourizadeh.com/site/) และเพลงเดียวกันนี้ ก็ยังได้รับการประกาศให้เป็นซิงเกิ้ลที่ดีที่สุดของปี 2006 จากนิตยสาร NME ของอังกฤษอีกด้วย (ได้รับรางวัลเยอะจริง!)
Hot Chip ค่อนข้างมีชื่อเสียงในเรื่องการแสดงสด เพราะว่าพวกเขามักไม่เล่นเหมือนในแผ่น แต่ชอบประดิษฐ์คิดค้นเวอร์ชั่นที่แตกต่าง บางครั้งก็ต่างจากในแผ่นโดยสิ้นเชิง แถมยังเป็นวงที่เล่นในเทศกาลต่างๆ มากมาย ตัวอย่างเช่น Dour Festival, Glastonbury, Sonar, Benicassim, Electric Picnic, Bestival, Lovebox, Bonnaroo, the Reading and Leeds Festivals, the Summer Sundae festival, the Big Day Out T in the Park , Summer Sundae, Splendour In The Grass Tim Festival (Brazil) และ Coachella (เยอะมาก!)
Hot Chip เป็นวงที่สมาชิกมีพรสวรรค์ด้านดีเจ สมาชิกทั้งห้าคนล้วนเป็นส่วนหนึ่งของ DJ set live ของ BBC RADIO ONE's The Essential Mix Radio Program ซึ่งดำเนินการโดย Pete Tong ผู้โด่งดัง ในปี 2007 พวกเขาออกอัลบั้มรวมเพลงในชื่อ DJ-Kicks ซึ่งประกอบด้วยเพลงใหม่ที่ชื่อ My Piano และในปี 2008 พวกเขาก็ออกอัลบั้มเต็มอัลบั้มที่สาม Made in the Dark และซิงเกิ้ล Ready For The Floor ก็ขึ้นอันดับ 6 ใน UK Singles Chart
ตอนต้นปี 2008 Hot Chip ไปโผล่ในรายการ Friday Night with Jonathan Ross (รายการทีวีของอังกฤษ) เพื่อโปรโมทเพลง Ready for the Floor และเดินสายออกรายการต่างๆ มากมาย รวมถึงการไปแสดงสดใน Radio 1's Live lounge ด้วย (Live Lounge เป็นส่วนหนึ่งของรายการ The Jo Whiley Show ขอสถานี BBC Radio 1โดยกำหนดให้ศิลปินดังๆ มาเล่นสดแบบอคูสติก กติกาคือให้เล่นเพลงตัวเองหนึ่งเพลงและเพลง coverหนึ่งเพลง ซึ่งภายหลังก็มีการทำออกมาขายเป็นอัลบั้มด้วย)
เพลงของ Hot Chip มีทั้งสนุกสนานและหม่นหมอง แต่รับรองได้ว่าไม่โหลและไม่เฝือแต่อย่างใด
ติดตามเพิ่มเติมได้ที่ http://www.hotchip.co.uk/site/
*พิมพ์ครั้งแรกในนิตยสาร HIP ฉบับเดือนกรกฎาคม 2551
Hot Chip ก่อตั้งครั้งแรกในปี 2006 โดย Alexis Taylor และ Joe Goddard ทั้งคู่เคยทำงานด้วยกันมาก่อน แถมยังเคยเรียนด้วยกันที่ Elliott School ใน พัทนี่ย์ ลอนดอน ครั้งหนึ่ง Goddard เคยให้สัมภาษณ์ว่าดนตรีช่วงแรกๆ ของ Hot Chip เขียนแบบกลอนหก ด้วยกีต้าร์โปร่ง แต่ตอนหลังวงได้เปลี่ยนทิศทางของดนตรีไปโดยสิ้นเชิงเพราะว่ามัน 'โคตรน่าเบื่อ' และลองพยายามทำเพลงว่างๆ โล่งๆ ที่ไม่ต้องมีความหมายเท่าที่จะทำได้
หลายปีหลังจากที่ทำอัลบั้มกันเอง พวกเขาเซ็นสัญญากับ Moshi Moshi ในปี 2003 และออกอัลบั้ม LP 'Coming On Strong' ในปี 2004 และเริ่มทำอัลบั้มที่สองในเวลาต่อมา ช่วงเวลานั้นพวกเขาเซ็นสัญญากับ DFA ซึ่งเป็นค่ายเพลงในอเมริกาและนำอัลบั้มแรกออกวางจำหน่ายอีกครั้งในช่วงปลายปี 2005
ในปี 2006 Hot Chip ออกอัลบั้มที่สอง The Warning กับค่าย EMI ของอังกฤษ คราวนี้ชื่อเสียงของพวกเขาขจรขจายมากขึ้นทั้งในหมู่ผู้ฟังทั่วไปและนักวิจารณ์ อัลบั้มนี้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง Mercury Music Prize ในปีนั้นเอง(แข่งกับวงอื่นๆ เช่น Arctic Monkeys, Editors, Isobel Campbell, Muse, Thom Yorke และอื่นๆ -วงที่ได้รับรางวัลในปีนั้นคือ Arctic Monkeys นั่นไง!) แม้จะไม่ได้รับรางวัลแต่เพลง Over and Over และ And I Was a Boy from School ในอัลบั้มนี้ก็ติดชาร์ต UK Top 40 singlesในเดือนมีนาคมและพฤษภาคมปีเดียวกันนั้น เพลง โดยเฉพาะมิวสิควิดีโอเพลง Over and Over นั้นได้รับความสนใจเป็นพิเศษเพราะว่ากำกับโดย Nima Nourizadeh (คนนี้เป็นผู้กำกับมิวสิควิดีโอทุนต่ำที่มีชื่อเสียงมาก เชิญติดตามเพิ่มเติมได้ที่นี่ http://www.nimanourizadeh.com/site/) และเพลงเดียวกันนี้ ก็ยังได้รับการประกาศให้เป็นซิงเกิ้ลที่ดีที่สุดของปี 2006 จากนิตยสาร NME ของอังกฤษอีกด้วย (ได้รับรางวัลเยอะจริง!)
Hot Chip ค่อนข้างมีชื่อเสียงในเรื่องการแสดงสด เพราะว่าพวกเขามักไม่เล่นเหมือนในแผ่น แต่ชอบประดิษฐ์คิดค้นเวอร์ชั่นที่แตกต่าง บางครั้งก็ต่างจากในแผ่นโดยสิ้นเชิง แถมยังเป็นวงที่เล่นในเทศกาลต่างๆ มากมาย ตัวอย่างเช่น Dour Festival, Glastonbury, Sonar, Benicassim, Electric Picnic, Bestival, Lovebox, Bonnaroo, the Reading and Leeds Festivals, the Summer Sundae festival, the Big Day Out T in the Park , Summer Sundae, Splendour In The Grass Tim Festival (Brazil) และ Coachella (เยอะมาก!)
Hot Chip เป็นวงที่สมาชิกมีพรสวรรค์ด้านดีเจ สมาชิกทั้งห้าคนล้วนเป็นส่วนหนึ่งของ DJ set live ของ BBC RADIO ONE's The Essential Mix Radio Program ซึ่งดำเนินการโดย Pete Tong ผู้โด่งดัง ในปี 2007 พวกเขาออกอัลบั้มรวมเพลงในชื่อ DJ-Kicks ซึ่งประกอบด้วยเพลงใหม่ที่ชื่อ My Piano และในปี 2008 พวกเขาก็ออกอัลบั้มเต็มอัลบั้มที่สาม Made in the Dark และซิงเกิ้ล Ready For The Floor ก็ขึ้นอันดับ 6 ใน UK Singles Chart
ตอนต้นปี 2008 Hot Chip ไปโผล่ในรายการ Friday Night with Jonathan Ross (รายการทีวีของอังกฤษ) เพื่อโปรโมทเพลง Ready for the Floor และเดินสายออกรายการต่างๆ มากมาย รวมถึงการไปแสดงสดใน Radio 1's Live lounge ด้วย (Live Lounge เป็นส่วนหนึ่งของรายการ The Jo Whiley Show ขอสถานี BBC Radio 1โดยกำหนดให้ศิลปินดังๆ มาเล่นสดแบบอคูสติก กติกาคือให้เล่นเพลงตัวเองหนึ่งเพลงและเพลง coverหนึ่งเพลง ซึ่งภายหลังก็มีการทำออกมาขายเป็นอัลบั้มด้วย)
เพลงของ Hot Chip มีทั้งสนุกสนานและหม่นหมอง แต่รับรองได้ว่าไม่โหลและไม่เฝือแต่อย่างใด
ติดตามเพิ่มเติมได้ที่ http://www.hotchip.co.uk/site/
*พิมพ์ครั้งแรกในนิตยสาร HIP ฉบับเดือนกรกฎาคม 2551
No comments:
Post a Comment