Thursday, November 15, 2007

ทะลุหูขวา (7): essay: แม่น้ำปายไหลไปรวดเร็ว



คอลัมน์ใน HIP ถูกปรับเป็นขาวดำ
เขียนบอกไว้ว่าสามารถรับชมแบบสีได้ที่นี่
ขอเชิญรับชม ^^


{essay}
น้ำในแม่น้ำปายไหลไปรวดเร็ว

หลายวันก่อนผมเดินเล่นอยู่ที่ปายตามลำพัง
ในวันธรรมดาที่นักท่องเที่ยวบางตา ถือเป็นวันพักผ่อน
หลังจากตรากตรำกับงานที่หนักหน่วงมายาวนาน
อันที่จริงผมก็ไม่ได้พิศวาส ‘ภาพลักษณ์’
น่ารักโรแมนติกของเมืองท่องเที่ยวขนาดเล็กแห่งนี้เท่าไหร่นัก
ด้วยความที่เห็นว่ามันรีบร้อนเจริญเติบโตไปหน่อย
ทำให้รู้สึกว่า ‘พลังงาน’ ที่เคลื่อนไหวอยู่ในเมืองนั้น
พลุ่งพล่านเกินขนาดของตัวมันเอง
แต่ที่ยังเดินเหินอยู่ได้ ก็คงเพราะพิศวาสอย่างอื่นมากกว่า

มีพี่-น้องบางคนที่นั่น ที่ทำให้ผมรู้สึกสนิทใจ

เดินไปเดินมาไม่ไกลจากที่พัก เห็นที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง
วางกระบะเล็กๆ ไว้เต็มโต๊ะ ในกระบะขนาดเล็กใหญ่ต่างกันเหล่านั้น
มีเส้นเขียวๆ ตั้งตัวดิ่งเหยียดตรงขึ้นฟ้า
มองไกลๆ คล้ายแผงข้าวขนเขียวสดขนาดย่อส่วน
ที่กำลังรอเคียวมากวัดเกี่ยว
เมื่อมองใกล้เข้าจึงรู้ว่าที่แท้คือกระบะปลูกถั่วงอก

สิ่งมีชีวิตบอบบางที่เติบโตจากเมล็ดถั่วเขียวธรรมดาๆ
ไม่มีอะไรพิเศษไปกว่านั้นสักนิด
.............

นานแสนนานมาแล้ว จนกระทั่งทุกวันนี้ ผมยังเชื่อหัวปักหัวปำว่า
ความสามารถของสมองคนเรานั้นมีขีดจำกัดบางอย่าง
ที่กั้นเราออกห่าง ‘ความจริง’ ของการมีชีวิตอยู่
แม้ว่า ‘ความเป็นอัจฉริยะ’ นั้นอาจสร้างได้จริงก็ตาม
แต่ก็เป็นคนละเรื่องการเข้าใจกลไกของการมีชีวิตอย่างถ่องแท้
ดังนั้นสำหรับผม, การพยายามใช้แต่เพียงลำพัง สมอง
จึงอาจเป็นข้อบกพร่องสำคัญที่กลับถูกมองข้าม

การคิด คิด และคิด อาจไม่ช่วยให้เข้าใจอะไรได้ทั้งหมด นั้นเป็นข้อจำกัด

แต่แน่ละ, ที่เราจำเป็นต้องคิด
เพราะมันคือเครื่องมือชนิดเดียวที่เห็นได้ชัด
และอาจเป็นวิธีเดียวที่จับความกระจัดกระจายของปรากฏการณ์ในชีวิต
ให้อยู่ในกรอบของระบบเหตุผล เพราะถึงที่สุดแล้ว
เราอาจต้องการความกระจ่างชัด มากกว่าความเป็นจริง

คู่รักที่เลิกรากัน ถ้าได้ยินเหตุผลชัดๆ เต็มสองรูหู
อาจทุกข์ทรมานน้อยกว่าการต้องใช้เวลานั่งงมหาคำตอบ
ในความมืดบอดตามลำพัง

ครอบครัวที่ต้องพลัดพราก ผืนแผ่นดินที่ถูกรุกราน
การพยายามถามหาความยุติธรรมที่ดูเหมือนจะมีอยู่จริง และอื่นๆ

ในสถานการณ์ที่รู้สึกสูญเสีย บางทีใครหน้าไหนก็ฉุดรั้งเราไว้ไม่ได้
หลายคนมุ่งหน้าเข้าหาศาสนา-ในเวลาคับขัน

บ้างตรงรี่เข้าหาปรากฏการณ์เหนือจริงทั้งปวง
ศาสตร์แห่งการพยาการณ์ รวมถึงไสยศาสตร์ต่างๆ นานา

บางคนมุ่งหน้าไปหามนุษย์ต่างดาวก็มี!

มิติในการพูดคุยเรื่องเหนือจริงนั้นหลากหลายและละเอียดอ่อน
(ดังมีคดีน้อยใหญ่เกิดขึ้นมาแล้วมากมาย)
ทั้งในแง่ประวัติศาสตร์ ปรัชญา จิตวิทยา มานุษยวิทยา
และอื่นๆ อีกหลายยา แต่ประเด็นหนึ่งที่พูดกันมาทุกยุคทุกสมัย
และยังไม่มีทีท่าว่าจะยุติ คือการอยู่ร่วมกันท่ามกลางความแตกต่าง

ศรัทธาที่แตกต่าง อยู่ร่วมกันไม่ได้จริงหรือ?

หากหรี่ตามองผ่านความขัดแย้งรุนแรงในระดับสงครามในอดีต
(แต่อย่าหรี่นานนัก!) การเข่นฆ่าอาฆาต ปลิดชีวิตผู้อื่น
อันมีต้นตอจากความแตกต่างทางความคิดความเชื่อ
และการใช้ความศรัทธาของกลุ่มก้อน
เป็นเครื่องมือสังหารของพวกตัวเองแล้วนั้น
ผมยังมองเห็นว่า คนเราควรมีศรัทธาในบางอย่างอยู่ดี

การมีชีวิตอยู่โดยไม่ศรัทธาอะไรเลย
คงเหมือนกระดาษชำระชุ่มน้ำ ที่ค่อยๆ แห้ง กรอบ
และรอวันบุบสลายไปอย่างช้าๆ

เพียงแต่น้ำเลี้ยงของแต่ละคนอาจไม่จำเป็นต้องมาจากที่เดียวกัน

พระเจ้าของผม อาจไม่ใช่แค่ภาพผู้ชายสูงอายุไว้หนวดเครา
หน้าตาใจดี แต่ล้อเล่นไม่ได้ (เพราะศาสนจักรกำชับเราว่า
ท่านศักดิ์สิทธิ์มาก! ห้ามล้อเล่น ซึ่งน่าแปลกใจมาก
เพราะในขณะเดียวกันก็พร่ำสอนเราว่าท่านรักและเอ็นดูเรามาก?)
แต่อาจหมายถึงทุกสิ่งอย่าง ที่เคลื่อนไหวไปมาอยู่รอบตัวผม
รวมถึงภาพของชายสูงอายุผู้นั้น

อาจอยู่ในคนที่ผมสนิทใจ ในเมืองที่ผมรัก
ในงานที่ผมทำ หรือกระทั่งในเมล็ดถั่วเขียว
ที่กำลังเจริญเติบโตขึ้นเป็นถั่วงอก

ความหมายของการศรัทธาอะไรสักอย่าง จึงไม่ต้องยิ่งใหญ่ค้ำฟ้า
ถ้ามันจะนำมาซึ่งความขัดแย้งที่นำไปสู่การทำลายล้าง

ผมเดินผ่านกระบะถั่วงอกกลับไปยังที่พัก นั่งอ่านหนังสือ
เมื่อยก็ลุกขึ้นยืนเดิน ปวดตาก็หยุดพัก
ตรงหน้าคือมุมโค้งน้ำปายที่เลี้ยวตัวไปทางขวา
แม่น้ำปายที่เมื่อสองปีก่อนสร้างความเสียหายให้กับนักท่องเที่ยว
นักลงทุน และชาวบ้านอีกหลายหลังคาเรือน

แต่ผมไม่โทษแม่น้ำ

ช่วงปลายฤดูฝนอย่างนี้ แม่น้ำปายไหลไปรวดเร็ว
ราวกับรีบร้อนจะไปให้ถึงที่หมายที่ไหนสักแห่ง
จินตนาการว่ากระแสน้ำคงมีพละกำลังรุนแรงไม่น้อย
สังเกตจากปลายระลอกของผิวน้ำ
เด็กๆ สองสามคนวิ่งเล่นปาก้อนหินอยู่ข้างๆ กอตะไคร้ริมฝั่ง
ไม่มีใครลงไปเล่นน้ำเลยสักคน

ผมนั่งดูแม่น้ำอยู่อย่างนั้นจนฟ้ามืด ไม่มีอะไรพิเศษกว่านั้นเลยสักนิด

8 comments:

Anonymous said...

ศรัทธาที่แตกต่างสามารถทำให้เราอยู่ร่วมกันได้
ถ้าเราเข้าใจในความต่าง
และไม่มองความต่างนั้นในมุมของตนเองมากเกินไป

แม่น้ำปายอาจไหลเร็วไปสำหรับคนที่กำลังอยากให้โลกนี้เดินช้าลงบ้าง
แต่ในมุมกลับบางคนบางบ้านอาจดีใจและพูดว่า "ในที่สุดก็มาถึงสักที"

Anonymous said...

ศรัทธาสำหรับเราเหมือนแสงเล็กๆ ที่ไม่ได้ยิ่งใหญ่แต่ก็ยังคงสว่างในใจเสมอ
อย่างน้อยก็ทำให้ใจอุ่นในยามท้อใจ

แต่ถึงอย่างไรมันก็อยู่ที่มุมมองของแต่ละคนอยู่ดี ว่าจะนำศรัทธาไว้ที่ไหน และใช้ทำอะไร
ถ้าเราจัดวางและควบคุมได้(โดยปราศจากการชี้นำ) จะมีความแตกต่างแค่ไหน ก็น่าจะอยู่ร่วมกันได้นี่นา

แม้จะไม่เคยได้ชื่นชมแม่น้ำปาย
แต่คิดว่า แม่น้ำปาย คงไม่ได้รีบร้อนทุกวัน ใช่ไหม?

: )

Anonymous said...

ถึงจะเดินอยู่ในที่ๆหนึ่ง ที่คิดดีแล้วว่าเหมาะกับเรา และไม่ว่าจะพึงใจด้วยบรรยากาศแวดล้อมแค่ไหนก็ตาม แต่ส่วนลึกแล้วกลับรู้สึกได้โดยละเอียดใจว่า...

"คน" ที่ย้ำอยู่ในที่ และในช่วงเวลาเดียวกับเรานั้น กลับเป็นส่วนสำคัญกับจิตใจเรา เหนือกว่าบรรยากาศที่รายล้อมกว่าเป็นไหนๆ

ศรัทธา ที่จดจ่ออยู่ที่ใครสักคน คล้ายเป็นแรงบันดาลใจ ถึงแม้ไม่ได้ก่อขึ้นด้วยความตั้งใจ เหมือนกับเวลาที่ถูกเสี่ยมให้ทำแต่ความดี แต่ผู้ร้ายก็ยังมีเหตุผลในมุมของตัวเอง

_ _ W

Anonymous said...

พูดจางงๆ กันแฮะ
-_-'

Anonymous said...

เออ งงจริงๆ ด้วย :P

แค่จะบอกว่า ศรัทธา จะเป็นยังไงก็อยู่ที่ตัวเรา(โดยปราศจากการชี้นำ)เท่านั้นแหละ

Anonymous said...

นั่นไง ง่ายขึ้นตั้งเยอะ
ซับซ้อนเฉพาะเรื่องที่มันซับซ้อนก็พอมั้ง
^^

Anonymous said...

อืม ทุกเรื่องมันไม่ได้ซับซ้อนหมดนี่เนอะ
จากง่ายเลยกลายเป็นงงและยากเลย ฮ่า

แต่บางที เราก็แยกไม่ออกว่าเรื่องไหนควรซับซ้อนเรื่องไหนไม่
ทำไงดี?

Anonymous said...

ทำใจ...ให้สบาย