Thursday, August 27, 2009

RH >> NIMMAN LIVE 2009


มีข่าวมาแจ้งให้ทราบนะครับ ^^
RH จะไปร่วมออกบูธในงาน NIMMAN LIVE 2009
ในวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ที่ 28 29 30 สิงหาคมนี้
ที่ Think Park สี่แยกรินคำ เชียงใหม่

เดิมทีได้ข่าวว่างานนี้จะปิดถนนนิมมานจัด
แต่ตอนหลังก็เปลี่ยนแปลงย้ายไปจัดตรงสี่แยกรินคำแทน

ไม่ค่อยรู้รายละเอียดมากนักนะ แต่เข้าใจว่าเป็นงานออกร้าน
ก็คงมีร้านค้าต่างๆ ในย่านนิมมานฯ มาออกบูธ

RH จะเอางานโปสเตอร์ไปแสดง เอากระเป๋าไปขาย
และเปิดตัว RabbitBag อินเตอร์รุ่นที่หนึ่ง
ซึ่งก็คือกระเป๋าที่ตัดจากผ้าที่ซื้อมาตอนไปจีนปีที่แล้ว
แบกผ้ามาได้จำกัด (เพิ่งรู้ว่าผ้าหนักมาก หมายความว่ามันหนักกว่าที่เห็น)
เลยตัดออกมาได้แบบละสองสามใบเท่านั้น
มีหนังสือ Romance ของตั้มที่ยังเหลืออยู่นิดหน่อย (หน่อยจริงๆ นะ)
แล้วก็แจกแผนที่ต้นไม้ ที่ทำตอนโครงการใจหาย (Breathless)

นึกออกเท่านี้แฮะ
ใครว่างๆ ขอเชิญชวนนะครับ
ที่บูธ C2 นะ สามวันเท่านั้น

^^

Wednesday, August 26, 2009

Sound of Music Central Station Antwerp (Belgium)‏



เพิ่งได้ความรู้ใหม่มาจากเด๋อด๋า (DerDaMissYou)
ว่าเราสามารถเอา YouTube มาลงได้ด้วย -_-'
(มหัศจรรย์จริงๆ เลย)
ขอบคุณเด๋อมาก หลังจากนี้คงสนุกขึ้น

ประเดิมอันอันแรกด้วย performance ในสถานีรถไฟในเบลเบี่ยม
ที่ได้รับมาทางอีเมล (ขอบคุณมากๆ นะ)
รายละเอียดมีดังนี้

This video was made in the Antwerp , Belgium Central(Train) Station on the 23rd of March 2009.. . . with no warning to thepassengers passing through the station, at 08:00 am a recording ofJulie Andrews singing 'Do, Re, Mi' begins to play on the public addresssystem. As the bemused passengers watch in amazement, some 200 dancersbegin to appear from the crowd and station entrances.They created this amazing stunt with just two rehearsals!

ลองเข้าไปดูนะ
อยากทำเล่นที่บ้านเราบ้างจัง

^^

Tuesday, August 25, 2009

Apocalypto: MOVIE


โห...สนุกสุดยอด เล่านิดนึงว่าเห็นในเคเบิ้ลท้องถิ่นตอนประมาณตีสาม
(ไม่ได้ดูตั้งแต่เริ่มนะ) แต่พอดูแล้วก็ติดหนึบ แกะตาออกจากจอไม่ได้เลย
แม้จะเล่าเรื่องแบบที่ค่อนข้างเป็นแพตเทิร์นมาก แต่ก็สนุกอยู่ดี
นอกจากโปรดักชั่นที่เนี้ยบมาก (คนป่าทุกคนมีรายละเอียดที่ไม่เหมือนกันเลย!)
ยังได้เห็นการต่อสู้ของชนเผ่าเพื่อเสรีภาพของพวกเขา ได้เห็นความรักและผูกพัน
ที่พวกเขามีต่อพวกพ้อง คนรัก ครอบครัว และผืนป่าที่ตัวเองอาศัยอยู่อย่างเหนียวแน่น

ชีวิตพี่พระเอก หนักหนาสาหัสมาก โดนทรมานอย่างโหดเหี้ยม (โดยเฉพาะจิตใจ)
ดูจบแล้วก็รู้สึกว่า ต่อไปนี้ชีวิตเราคงไม่มีอะไรหนักหนาเกินไปอีกแล้ว
เพราะชีวิตพี่พระเอกในเรื่องมันหนักหนาสุดยอดโคตร (โดยเฉพาะฉากบูชายัญ)
คิดตลอดเวลาว่าถ้าเป็นเรา ตกอยู่ในสถานการณ์อย่างนั้นบ้าง คงกัดลิ้นตายไปแล้ว

.............................

เพิ่งนึกได้ว่าลืมเรื่องสำคัญ คือตอนที่ดูแล้วเห็นคนถูกจับเป็นเชลย
เชลยเหล่านั้นถูกปฏิบัติราวกับว่าไม่ใช่คน
ดูแล้วก็นึกขึ้นว่า การยกเลิกระบบทาส นั้นเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมที่สุดเรื่องนึงของโลก
แต่นึกไปนึกมา ก็คิดได้ว่า เราก็ยังไม่ได้เป็นอิสระจริงๆ สักหน่อย
เราแค่เปลี่ยนจากทาสแบบหนึ่ง มาเป็นทาสแบบอีกแบบหนึ่ง
ไม่ว่าจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม

directed by Mel Gibson

ประกาศรับสมัครงาน


มีข่าวจากญาติผู้ใหญ่ (พี่อ้อม)
ฝากมาชวนสมัครงาน
ใครสนใจลองอีเมลไปถามไถ่ดูนะครับ

^^
......................

ร่วมสร้างปรากฎการณ์ สร้างสื่อใหม่รับใช้คนเมือง

มาร่วมกันเริ่มต้นจากศูนย์
สู่อนาคตที่ไม่รู้ว่าอะไรรออยู่
นักข่าวใจถึง นักการตลาดมือฉมัง
ที่ใจพร้อม กายพร้อม ไม่มีความกลัวเป็นเพื่อน

ส่งรายละเอียดตัวตน ผลงาน เพื่อนัดสัมภาษณ์
thaijournalist@gmail.com

Prelude du Fornication

เพื่อนส่งเมลมาให้ ตลกดี
เห็นแล้วก็เหนื่อยใจแทนนักดนตรี
กว่าจะเล่นจบเพลง คงเหนื่อยตายพอดี
(จริงๆ ในเมลมันขยับได้ด้วยนะ >_< )

^^

+ ชื่อมันแปลว่าอะไรใครรู้บ้าง?


Sunday, August 23, 2009

HOW TO DISAPPEAR COMPLETELY?: PHOTOEXHIBITION


ขอชวนไปดูงานแสดงภาพถ่ายครั้งใหม่
มีงานเราแสดง 2 ชิ้นนะ รายละเอียดดังนี้ครับ ^^
....................

นิทรรศการภาพถ่าย 'How to Disappear Completely?'
ณ แมวใจดี จ.เชียงใหม่
ตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคม - 30 กันยายน 2552


โดย คมฤทธิ์ เฉียบแหลม, จักรกริช ฉิมนอก, ชเวศพล บุญศิริ, ชัยศิริ จิวะรังสรรค์, คนตรี ศิริบรรจงศักดิ์, เด็ด จงมั่นคง, ทินกร นุกูล, ธันยนันท์ อ่อยอารีย์, บริษัทย้อนแยงสุนทรียะและสหาย, ปรัชญ์ สุดสวาสดิ์, พรทิพย์ ใจใส, ภัทรี ฉิมนอก และ วชิรา

ศิลปินรับเชิญ อารยา ราษฎร์จำเริญสุข

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม 053-895138
...............................

“ How to disappear completely ? ”


Photography exhibition by 13 photographers
: Komrit Chaiblaem, Chakkrit Chimnok, Chavetepol Boonsiri, Chaisiri Jiwarangsan, Dontree Siribanjongsak, Ded Chongmankong, Tinnakorn Nugul, Tanyanone Aoi-aree, Yonyangsoontreeya & friends, Prach Sudsawad, Phornthip Jaisai, Pattree Chimnok, Vajira

Invited artist : Araya Rasdjarmrearnsook

At Meo Jai Dee Gallery, Chiang Mai
On 29.08.09 – 30.10.09

Opening on Saturday 29 August 2009
At 06:30 PM


......................................................................

For Future Information please contact 053-895138

http://meojaideegallery.blogspot.com

UNSEEN SCENES @ beentheredonethat guesthouse

ลืมสนิท! ..ไปดูงานแสดงนี้มาแล้วลืมเอามาลง -_-'
เป็นงานแสดงภาพถ่ายของสองสาว Toko และ Chloe
คนแรกเป็นชาวญี่ปุ่น อีกคนเป็นชาวอะไรไม่แน่ใจ
แสดงไปตั้งแต่เมื่อเดือนกรกฏาคม
งานสวยดี แถมจัดงานน่ารักมากกกกกก อาหารอร่อยยยยย
(ขอโหวตให้เป็นงานเปิดนิทรรศการที่อาหารอร่อยที่สุดตั้งแต่เคยไปมา)
รู้เลยว่าคนจัดตั้งใจทำมาก

beentheredonethat เป็นเกสต์เฮ้าส์ มันคือที่เดิมของสวนนม (อบต.สุเทพ)
ที่สวย บรรยากาศดี


ของในบ้าน.. มีประโยชน์มากกว่าที่เคยเป็น: FFW MAIL

ได้อีเมลนี้มา หัวข้อชื่อ ของในบ้าน...มีประโยชน์มากกว่าที่เคยเป็น
เขาไม่ได้บอกว่าต้นตอเอามาจากไหน (ใครรู้ช่วยบอกด้วย ^^)
แต่เห็นแล้วน่ารักดี เป็นงานออกแบบธรรมดาๆ เพื่อประโยชน์ใช้สอยโดยแท้

ลองเล่นกันดูนะ

^^
...................................................

ไม้จิ้มฟัน

วางไม้จิ้มฟันลงบนม้วนเทปก่อนที่จะตัดปลายเทป
ใช้งานคราวหน้า หาปลายเทปเจอทันใด




แกนในของ Toilet Paper

เก็บปลั๊กต่อ (extension cord) เรียบร้อย
ด้วยแกนในของกระดาษ



ถุงเท้า

ถุงเท้าคู่ที่เบื่อแล้ว หรือหาอีกข้างไม่เจอ
ตัดตรงสวมเท้า ใช้ห่อสายไฟใต้โต๊ะ
ไม่กระจัดกระจาย



กล่องทิชชูเช็ดหน้า

ถุงก๊อบแก๊บจากที่เคยโยน ๆ ใส่ลิ้นชัก หรือใต้อ่างล้างจาน
ต่อไปจับใส่กล่องทิชชูที่ใช้หมดแล้ว ดึงออกมาใช้ง่าย



แผ่นกระเบื้องและจุกไม้ก๊อก

แผ่นกระเบื้องใช้รองหม้อร้อน
และเปิดฝาหม้อร้อนด้วยจุกไม้ก๊อกจากขวดไวน์
ไม่วิ่งวุ่นหาถุงมือจับของร้อน



เปลือกส้ม

ใช้เปลือกส้มยาวประมาณ 3 นิ้ว วางบนน้ำตาลสีรำ
ช่วยไม่ให้น้ำตาลจับตัวเป็นก้อนแข็ง



เปลือกส้มของไทยอาจจะใช้ส้มเชงเม้ง

เสริฟไอศครีมด้วยถ้วยเปลือกส้ม น่ารักกิ๊บเก๋ และน่ากิน



ที่หั่นไข่สำหรับสลัด

หั่นเห็ดด้วยที่หั่นไข่สำหรับสลัด
ฉับเดียวทันใจ



นมสด

หั่นปลาแช่แข็งเป็นชิ้น วางในชามก้นลึก
เทนมสดให้ท่วมปลา ใส่กลับตู้เย็นในช่องธรรมดา
ทิ้งไว้ 24 ชั่วโมง นมสดจะช่วยไล่กลิ่นคาวของปลา
และรสชาติของของแช่แข็ง ปลาจะมีรสชาติเหมือนปลาสด
ไม่ใช่รสชาติของปลาแช่แข็ง



กระดาษหนังสือพิมพ์

ล้างกล่องพลาสติกใส่อาหารแล้ว
ยังมีกลิ่นค้างอยู่
ยัดกระดาษหนังสือพิมพ์ใส่กล่องอาหาร
ปิดฝาให้แน่น ทิ้งไว้หนึ่งคืน
วันรุ่งขึ้นกลิ่นอาหารจะจางหายไป


ทะลุหูขวา : Jarvis Cocker : MUSIC


Jarvis Cocker

Jarvis Cocker (ชื่อเต็มๆ ว่า Jarvis Branson Cocker) เกิดเมื่อวันที่ 19 กันยายน 1963 ที่เมือง Sheffield ประเทศอังกฤษ เขาเป็นคนก่อตั้งและร้องนำวง Pulp (คิดถึงมั้ย?) และเป็นหนึ่งในคีย์แมนคนสำคัญของยุค Britpop ในช่วงกลางทศวรรษที่ 90

สำหรับท่านที่ไม่สันทัดวงการบริตป็อป Pulp คือวงดนตรีที่ประสบความสำเร็จที่สุดวงหนึ่งในช่วงเวลานั้น พวกเขาเป็นเพื่อนร่วมโรงเรียนกันมาตั้งแต่สมัยเรียนที่เมืองเชฟฟิลด์ แต่เดิม Cocker ตั้งชื่อวงว่า "Arabacus Pulp" (คำเรียกระบบค้าขายสินค้าที่เตะตา Cocker ในวิชาเรียนเศรษฐศาสตร์) แต่ไม่นานก็ลดทอนให้เหลือแค่ชื่อสั้นๆ ว่า Pulp เท่านั้น ว่ากันว่าความสำเร็จของ Pulp มาจากการผสมผสานดนตรีที่ได้รับอิทธิพลจากดิสโก้ ป็อปร็อค และเนื้อหาชนิดติดดินที่เรียกกันว่า Kitchen-sink drama (หรือ Kitchen-sink realism ซึ่งเป็นคำที่ใช้อธิบายความเคลื่อนไหวในสังคมอังกฤษ ที่พัฒนามาตั้งแต่ช่วงปลายทศวรรษที่ 50 ถึงต้น 60 ชุดความคิดนี้ถูกถ่ายทอดผ่านสื่ออย่าง ละครเวที ละครโทรทัศน์ นิยาย หนัง และศิลปะ ตัวละครหลักมักมีบุคลิกที่เรียกว่า angry young men ที่ใช้เป็นตัวบอกเล่าเรื่องราวของชนชั้นแรงงาน ผ่านภาพการอยู่อาศัยในห้องเช่าเน่าๆ และการถกเถียงประเด็นต่างๆ ที่เกิดขึ้นสังคมและการเมืองในผับเถื่อนๆ)

นับจากปี 1978 ถึงปี 2002 Pulp ออกอัลบั้มเต็มทั้งหมด 7 อัลบั้ม 1 อีพี 10 อัลบั้มรวมเพลง และ 24 ซิงเกิล ปัจจุบันสถานะของวงอยู่ในช่วงสุญญากาศ ไม่มีผลงานออกมาแต่อย่างใด (แต่ก็ยังไม่ได้ประกาศแยกวง)

ในปี 1996 Cocker บุกเวที BRIT AWARDS เพื่อประท้วงการแสดงของไมเคิล แจ็คสัน ที่โพสท่าราวกับเป็นพระเยซูคริสต์ รายล้อมไปด้วยเด็กๆ และแร็บไบ (พระยิว) ในเพลง Earth Song โดยที่ Cocker ด้นสดร่วมกับ Peter Mansell (เพื่อนที่ร่วมก่อตั้ง Pulp) ในการประท้วง หลังจากนั้น Cocker ถูกกักตัวและสอบปากคำโดยตำรวจในข้อหาทำร้ายร่างกาย แต่สุดท้ายเขาก็ได้รับการปล่อยตัวและไม่ถูกดำเนินคดีแต่อย่างใด (หลังจากนั้นบางสื่อก็แสดงความเห็นว่าเขาความได้รับการแต่งตั้งเป็นอัศวิน ขณะที่ Noel Gallagher แห่ง Oasis ก็ให้สัมภาษณ์ว่า Jarvis Cocker สมควรได้รับการประดับ MBE-ระดับชั้นเครื่องราชอิสริยาภรณ์ของจักรวรรดิอังกฤษ ในขณะที่ Cocker ให้สัมภาษณ์ภายหลังว่า “การกระทำของผมเป็นรูปแบบหนึ่งของการประท้วงวิธีที่ไมเคิล แจ็กสันมองตัวเองว่าเป็นราวกับภาพเหมือนของพระเยซูที่มีพลังอำนาจในการเยียวยาผู้คน...ผมก็แค่วิ่งไปบนเวที...แล้วเท่าที่นึกออก ผมก็ว่าผมไม่ได้ปะทะอะไรกับใครเลยนะ” )

ผลจากเหตุการณ์นั้นทำให้ยอดขายซีดีของ Pulp สูงขึ้นและมีรูปปั้นหุ่นขี้ผึ้งของ Cocker มูลค่า 30,000 ปอนด์ ไปวางไว้ที่ Rock Circus ในลอนดอน

ในปี 2006 Cocker ออกอัลบั้มเดี่ยวชื่อเดียวกับตัวเขา ‘Jarvis’ และออกอัลบั้มเดี่ยวอีกครั้งในปีนี้ (2009) ชื่อ 'Further Complications' นอกเหนือจากงานเพลง เขายังกำกับมิวสิควิดีโอ (ร่วมกับ Martin Wallace) เพลง "On" ของ Aphex Twin เพลง "Sudden Rush" ของ Erlend Øye และเพลง "Aftermath" ของ Nightmares on Wax (นี่ยังไม่รวมการไปแอบโผล่ในมิวสิควิดีโอเพลง "A Little More For Little You" ของวงร็อคสวีเดน The Hives หรือ cover เพลง "I Can't Forget" ในหนัง I’m Your Man ของ Leonard Cohen และทำเพลงประกอบ Harry Potter and the Goblet of Fire อีกด้วยนะ...โอย ทำงานเยอะมาก น่าสรรเสริญ)

Cocker เป็นบุตรของบิดาที่เป็นนักแสดงและดีเจที่จากครอบครัวไปอยู่ที่ซิดนี่ย์ตอน Cocker อายุ 7 ขวบ โดยไม่มีการติดต่อใดๆ อีกเลยโดยปล่อยให้แม่ของเด็กๆ เป็นคนดูแล ในปี 1988 Cocker ลาพักจาก Pulp เพื่อไปเรียนต่อด้าน Fine Art & Film ที่ Central St Martins และจบการศึกษาจากที่นั่นในปี 1991

เขาบอกว่าเขาถูกเลี้ยงดูมาในครอบครัวที่เป็นผู้หญิง และนั่นทำให้เขาสนใจว่าผู้หญิงคิดอะไรและพวกเธอเหล่านั้น ‘ต้อง’ พูดอะไร Cocker เขียนเพลง "A Little Soul" (อยู่ในอัลบั้ม This Is Hardcore) ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการถูกทอดทิ้งโดยบิดาผู้ให้กำเนิด และในปี 1998 เขาและน้องสาวเดินทางไปออสเตรเลียเพื่อพบกับพ่อที่ไม่ได้พบกันมาเกือบ 30 ปี (หลังจากนั้น Cocker พูดถึงพ่อว่า “ผมไม่ได้รู้สึกขมขื่นอะไรกับเขาเลยนะ ผมสงสารเขา”)

Cocker อาศัยอยู่ในปารีสตั้งแต่เมื่อปี 2003 กับภรรยาชื่อ Camille Bidault-Waddington กับลูกชาย Albert ปีนี้เอง (2009) เขาประกาศว่าได้หย่าขาดจากภรรยาด้วย ‘มิตรภาพ’ ที่ดี และยังคงอยู่ที่ปารีสเพื่อชีวิตลูกชาย

Hey man,
how come you treat your woman so bad?
That's not the way you do it.
No no no you shouldn't do it like that.
I could show you how to do it right.
I used to practice every night on my wife, now she's gone.
Yeah, she's gone.
You see your mother and me,
we never got along that well you see.

Song: A Little Soul
Album: This Is Hardcore


Saturday, August 22, 2009

ตรวจเพศ? : NEWS


วันก่อนเห็นข่าวในทีวี มีนักวิ่งหญิงจากเคนยาชื่อ คาสเตอร์ เซเมนย่า (Caster Semenya) วิ่งคว้าเหรียญทอง 800 เมตรหญิงในกรีฑาชิงแชมป์โลกที่เบอร์ลิน แต่ถูกเรียกตัวให้ไปทำการ 'ตรวจเพศ' (Gender Verification Test) เนื่องจากสรีระที่เหมือนชาย! และดันทำสถิติดีเกินหญิง!!

เราไม่เคยได้ยินเรื่องการตรวจเพศของนักกีฬามาก่อน (แต่เข้าใจว่าน่าจะมีมาก่อนแล้ว กรณีนี้บังเอิญเพิ่งได้เห็นข่าวกับตา) ปกติได้ยินแต่การตรวจเพศของนางงาม เพราะมักเป็นข่าวใหญ่กว่า

ได้ยินแล้วก็คิดไปว่า โลกเรานี้ช่างซับซ้อนขึ้นนัก โดยเฉพาะชุดความรู้เรื่องการแบ่งแยกสิ่งต่างๆ แบบขาวจัด-ดำจัด (เช่น หญิง-ชาย เด็ก-ผู้ใหญ่ ฯลฯ) ซึ่งดูจะกระทบกระเทือนเป็นพิเศษ

น่าสนใจว่าความรู้ชุดต่อๆ ไปที่จะเกิดขึ้นในโลกนี้จะเป็นยังไงนะ

^^

+ อ่านข่าวเพิ่มเติมได้ที่นี่ http://www.matichon.co.th/matichon/view_news.php?newsid=01spo04210852&sectionid=0114&day=2009-08-21

++ ดูคลิปการแข่งขันได้ที่นี่ http://www.youtube.com/watch?v=5JESUFemaos

Lightning Conductor by Supachai Satsara @ Pong Noi Art Space

ไปดูงานที่โป่งน้อยมา ขออภัยที่ไม่ได้ไปดูแต่เนิ่นๆ เลยกว่าจะเอามาลงงานก็จบไปนานแล้ว ; (

เป็นงานของอาจารย์ตู่ (ไม่ได้เรียนหนังสือกับเขาหรอก เห็นเขาเรียกกันอย่างงี้ก็เรียกตามบ้าง เพื่อการสื่อสารที่สะดวก) มีสามชิ้น น่าเสียดายที่ชิ้นหนึ่งไฟเสีย เลยไม่ได้เห็นพระเจ้าชี้นิ้วเป็นแสง กับชิ้นตุ๊กตาตัวเล็กที่ระบบเสียงก็เสีย ก็เลยไม่ได้ยินอะไร ส่วนชิ้นแบกเสาไฟถ้าได้ยินไม่ผิดสงสัยจะเป็นเสียงอะไรสักอย่างในหมวดการบ้านการเมืองนี่เอง (ฟังไม่ค่อยถนัด)

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ควรไปเที่ยวชมงานแต่เนิ่นๆ
เพราะถ้าไปตอนท้ายๆ ข้าวของอาจเสื่อมสภาพได้


Monday, August 17, 2009

ถามตอบยอดฮิต เกี่ยวกับหวัด 2009: FFW MAIL

FFW MAIL ของคุณ CHAMP ครับ ^^
อ่านแล้วตรวจสอบด้วยนะ
......................................................





Subject: ถามตอบยอดฮิต เกี่ยวกับหวัด 2009
Date: Sat, 11 Jul 2009 18:43:12 +0700

Mexico นำหน้าเราอยู่ประมาณ 1-2 เดือน ตอนนี้น่าจะกำลังปีนเขาลูกที่ 2 อยู่ ตอนนี้การระบาดในบ้านเราน่าจะอยู่แถวๆ ดอยของเขาลูกที่ 1 แล้ว ที่เราว่าเป็นกันเยอะ ปิดโรงเรียนกันมากมาย ป่วยกันทั้งหมู่บ้าน มันจะกลายเป็นเด็กๆ ไปเลยเมื่อของจริงมา อีกไม่นานเกินรอ

ถามตอบยอดฮิต เกี่ยวกับหวัด 2009

1. โรคนี้ไม่รุนแรง ไม่น่ากลัว อย่าสะดิ้งไปนะตะเอง????
Answer : มะเหงกแน่ะ ความจริงคือ

1. ไข้หวัด 2009 ดูเหมือนไม่รุนแรง อัตราตายต่ำ แต่แพร่ระบาดง่ายและรวดเร็ว (การแพร่กระจายสูง)
2. ความน่ากลัวของหวัด 2009 คือการกลายพันธุ์ต่างหาก และการกลายพันธุ์จะเกิดง่ายที่สุด เมื่อคน 1 คน หรือสัตว์ 1 ตัว ทะลึ่งติดหวัด 2 ชนิดพร้อมกัน (เช่นหวัด 2009 + หวัดธรรมดาพร้อมกัน หรือหวัด 2009 + หวัดนกพร้อมกัน)

ขณะนี้ "หวัดนกซึ่งรุนแรงและมีอัตราตายสูงมากกก ยังไม่ได้หายไป" และแนวโน้มของหวัดนกจะ "ระบาดซ้ำอีก ทุกๆปลายปี" แม้ว่าหวัด 2009 มันไม่รุนแรง แต่ถ้าปล่อยให้แพร่แบบนี้ "อีกไม่นานมันอาจผสมกัน" .........เอาความสามารถในการแพร่กระจายของหวัด 2009 บวกกับความรุนแรงของหวัดนก เมื่อนั้นก็หายนะ!!!!!

และนั่นคือสาเหตุที่อยากให้คนไทยทุกคนดูแลสุขภาพให้ดี อย่าให้เป็นหวัด อย่าให้โรคนี้แพร่กระจายไปกว่านี้

ถ้าเป็นหวัดแล้ว แยกตัวจากคนอื่นทันที อย่าแรดเดินตลาด อย่าแรดไปห้างหรือที่ชุมชน และใส่หน้ากากทันทีอย่าให้แพร่เชื้อสู่คนและสัตว์รอบข้าง ถึงแม้จะอยู่บ้านที่มีสมาชิกแค่ 2 คนก็ตาม

2. ถ้าเป็นขึ้นมา ไปหาหมอเดี๋ยวก็หาย???
Answer : แม่เจ้า พศ.นี้ยังเข้าใจกันแบบนี้อีกเหรอนี่??

คุณรู้มั้ยว่า เวลาคุณไปหาหมอเพราะเป็นหวัด หมอจะจ่ายยาลดไข้ ยาลดน้ำมูก ยาแก้ไอ ให้คุณ แต่ไม่มียาฆ่าเชื้อหวัด!!! นอกจากคุณติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำเติม เช่น ทอนซิลอักเสบ คออักเสบ หมอจึงจะจ่ายยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ติดซ้ำเติมให้ แต่ก็ยังไม่มียาฆ่าเชื้อไวรัสหวัดให้อยู่ดี!!

เพราะอะไรน่ะเหรอ เพราะยาฆ่าไวรัส มันแพงมาก และไม่คุ้มที่จะแจกจ่ายพร่ำเพรื่อ เพราะจะทำให้ไวรัสยิ่งกลายพันธุ์ดื้อยาขึ้นไปอีก 99.99% ของคลินิกและโรงพยาบาลขนาดเล็ก จึงไม่มียารักษาการติดเชื้อไวรัสหวัดไว้ในสต็อกยาเลยครับ

สิ่งที่ดีที่สุดในการรักษาไข้หวัด คือการกินยาลดไข้ ยาลดน้ำมูก ยาแก้ไอ ตามอาการ แล้วนอนพักผ่อนมากๆ พยายามอย่าไปแพร่เชื้อใส่ใคร เดี๋ยวก็หายเพราะร่างกายรักษาตัวเองครับ

แต่กรณีไข้หวัดใหญ่ มีลุ้นหน่อย เพราะเชื้อรุนแรงกว่าไข้หวัดธรรมดา บางคนหาย บางคนไม่รอด ณ จุดนี้ยังนับว่าโชคดี ที่อัตราตายจากไข้หวัดใหญ่ 2009 ยังนับว่าต่ำอยู่.... แต่อย่างที่บอกข้อแรก มันจะเป็นอย่างนี้ตลอดไปไหม?

(ข้อแปลก เกี่ยวกับหวัด 2009 ที่ไม่เหมือนหวัดใหญ่สเปน คือ หวัดสเปน คนตายมักเป็นคนร่างกายอ่อนแอชัดเจนเช่นคนแก่ และเด็กแต่ หวัด2009 อัตราตายค่อนข้างมั่วซั่ว คนหนุ่มสาวก็มีตาย มีบางทฤษฎีบอกว่าอาจเป็นเพราะไม่ได้ตายจากเชื้อ แต่ตายจากระบบภูมิคุ้มกันตัวเองที่พยายามฆ่าเชื้อโรค แต่ร่างกายแยกแยะไม่ออกว่าอันไหนเซลล์ติดเชื้อ อันไหนเซลล์ตัวเองที่ยังดีอยู่ เลยทำลายล้างบางหมด ร่างกายคนหนุ่มสาวภูมิต้านทานดี ระบบทำลายนี้เลยทำลายตัวเองได้ดีตามไปด้วย........อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ความเห็นนี้ยังเป็นแค่ทฤษฎี....)

ส่วน Tamiflu น่ะ อย่าไปหวังอะไรกับมันมากเลยครับ เพราะ
- ตอนนี้ยาขาดตลาดสุดๆ รพ.หลายแห่งหายานี้มา Stock ไว้ไม่ได้
- ยานี้จะออกฤทธิ์ได้ดี เมื่อคนไข้ถูกตรวจพบเจอก่อนเกิดอาการ แล้วคนไข้คนไหนจะกระแดะเดินไปหาหมอตอนไม่มีอาการล่ะครับ (ถึงกระแดะไปหา หมอก็ไม่กระแดตรวจ Swab ให้หรอก หรือถึงหมอกระแดะตรวจให้คุณจะกระแดะจ่ายค่าตรวจราคา 4000+ บาท(ไม่รู้อัพราคารึยัง?) โดยมีอาการแค่นิดๆ มั้ยล่ะครับ?)
- ตอนนี้เริ่มมีรายงาน เชื้อดื้อยา Tamiflu แล้วครับ (บอกแล้วว่าไวรัสมันกลายพันธุ์ เร็วค่อดๆ )

3. ฉีดวัคซีนป้องกันได้???
Answer : วัคซีนที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้คือวัคซีน ป้องกัน ไข้หวัดใหญ่สเปนครับ เป็น H1N1 เหมือนกัน แต่เป็นเชื้อคนละตัว (เหมือนตระกูลงวงคำเหมา เหมือนกัน แต่ หม่ำกับ ตุ๊กกี้เป็นคนละคนกัน มีสิ่งที่ชอบที่กลัวไม่เหมือนกัน) พูดง่ายๆ คือ ในทางทฤษฎี วัคซีนนี้ไม่น่าจะป้องกันหวัด 2009 ได้เลย แต่ให้ฉีดไว้ก่อนเพราะ
- ตอนแรกนักวิทย์คำนวณไว้อยู่แล้วว่า ปีนี้ ไข้หวัดสเปนต้องระบาด (ใครจะนึกว่ามันทะลึ่งกลายพันธุ์เป็น 2009 ) อย่างน้อยการฉีดนี้เป็นการตัดไข้หวัดสเปนออกไปก่อน พูดง่ายๆ คือ ถ้าใครเดินมา รพ. เราจะได้สงสัยไปเลยว่าเป็นหวัด 2009 ไม่ใช่หวัดสเปน จะได้ง่ายต่อการควบคุมรักษา
- ถ้าเกิดไข้หวัดสเปน เกิดบ้าจี้ ระบาดขึ้นมาพร้อมกันตอนนี้ อัตราตายมันสูงกว่า หวัด 2009 มากนะครับ
- แม้ทางทฤษฎี วัคซีนนี้จะกัน 2009 ไม่ได้เลย แต่ไหนๆ มันก็เชื้อตระกูลเดียวกันและเป็นเชื้อใหม่ด้วย ใครจะไปรู้ว่ามันอาจป้องกันหวัด 2009 ได้ซัก 1% ก็ได้ มีตังค์ก็ฉีดๆ ไปเหอะ Better Than Nothing แต่ต้องรู้นะ ว่า การฉีดวัคซีนนี้ ไม่ได้แปลว่าคุณไม่ต้องกลัวแล้ว ไม่ได้แปลว่าคุณมีภูมิคุ้มกันต่อหวัด 2009 แล้ว มันแค่ลดความเสี่ยงไปซักถึง 1% รึเปล่ายังไม่รู้เลย??

4. แล้วอะไร คือสิ่งที่ควรทำตอนนี้???
Answer :

4.1 ระดับส่วนตัวและครอบครัว

ในภาวะปกติ
ตอนนี้ต้องยอมรับว่าทุกแหล่งชุมชนคือจุดเสี่ยงในการแพร่ระบาด โดยเฉพาะบริเวณที่เป็นห้องแอร์ระบบปิด เช่นในห้างสรรพสินค้า โรงหนัง บนรถไฟฟ้า รถไฟใต้ดิน ถ้าจะเดินเข้าแหล่งชุมชนเหล่านี้ ควรใส่หน้ากากป้องกันตัวเองได้แล้วครับ!!!!!

ถ้าคุณมีอาการของโรคหวัด แค่ ไอ จาม เล็กๆ น้อยๆ
ควรแยกตัวจากครอบครัวและสังคมเท่าที่ทำได้ เช่นแยกห้องนอนจากคนอื่น ถ้าต้องอยู่ร่วมกันก็ใส่หน้ากากตลอดเวลา (หาซื้อไม่ได้ ก็เอาผ้าเช็ดหน้ามาผูกไว้ก็ยังดีกว่าหายใจรดกันตรงๆ ) ปิดปากปิดจมูกเสมอ อย่าหายใจรดใคร อย่าไอจามใส่ที่สาธารณะ เลิกถ่มน้ำลายลงพื้นได้แล้ว ล้างมือให้บ่อยที่สุด การเอามือไปป้ายโน่นป้ายนี่ เป็นช่องทางการแพร่เชื้อที่ดีเยี่ยม ตอนเช้าตื่นนอน กรุณาเปิดหน้าต่างกว้างๆ เปิดพัดลมไล่อากาศออกซักนิด ก่อนจะให้ใครคนอื่นเดินเข้ามาในห้องเรา เสื้อผ้า ผ้าปูเตียง ปลอกหมอน หมั่นซักบ่อยๆ (ไม่รู้มีคราบเสมหะตอนเราไอจามติดอยู่รึเปล่า) ล้างมือให้บ่อยที่สุด แต่ไม่ต้องถึงกับแยกห้องน้ำหรอกนะ แค่เอาแปรงสีฟันเราออกมาเก็บเอง อย่าใส่ถ้วยเดียวกะคนอื่นก็พอ

อาการอย่างไรจึงควรไปตรวจที่รพ.?
1. มีไข้ 38 ํC ขึ้นไปร่วมกับ
2. อาการอย่างใดอย่างหนึ่งได้แก่ ปวดกล้ามเนื้อ, ไอ, หายใจผิด ปกติ (หอบ, ลำบาก), หรือแพทย์วินิจฉัยว่าเป็นปอดบวม ร่วมกับ มีผู้สัมผัสร่วมบ้านหรือในที่ทำงานป่วยสงสัยไข้หวัดใหญ่หรือปอดอักเสบ ภายใน 1 สัปดาห์ก่อนวันเริ่มป่วย ถ้าอาการแค่เป็นหวัดเจ็บคอธรรมดา ไข้ไม่สูง ไม่นอนซม ไม่ต้องสะดิ้งวิ่งไปรับเชื้อที่รพ.นะครับ อย่าลืมว่าตอนนี้ รพ.นั่นแหละ เป็นแหล่งแพร่เชื้อที่ดีที่สุด.................

4.2 ระดับนโยบายของรัฐ และ สื่อมวลชน

มาดูกันนิดนึง ว่าทำไมประเทศเราถึงควบคุมการระบาดไม่ได้เลย ขณะที่ประเทศต้นตำรับการระบาดอย่าง Mexico ซึ่งไม่ได้เจริญกว่าบ้านเราเลย เขาถึงควบคุมการระบาดระลอกแรกได้....

จำข่าวได้มั้ยครับ ว่าตอนแรกที่ Mexico เขาระบาดเขาทำอะไรบ้าง?? ปิดเลยครับ!!! เขากล้าพอที่จะปิด โรงเรียนทุกแห่ง โรงหนังทุกแห่ง ห้างสรรพสินค้าทุกแห่งทั่วประเทศพร้อมกัน 1 สัปดาห์ พร้อมทั้ง พ่นยาฆ่าเชื้อ ตามโรงหนัง ห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ ด้วย นั่นคือสาเหตุที่เขาควบคุมการระบาดระลอกแรกได้ทันทีในสัปดาห์ต่อมา....

แล้วพี่ไทยล่ะทำอะไรบ้าง?? นอกจากออกข่าวว่า ไม่มีอะไร้ ไม่น่ากลัว แต่คนติดเชื้อเพิ่มเป็นหลักร้อย หลักพันทุกวัน??? มัวแต่กลัวว่าเศรษฐกิจจะทรุด การท่องเที่ยวจะกระทบ...คิดกันบ้างมั้ยว่า ถ้าคนไทย ตัยหอง กันหมด จะมีเศรษฐกิจดีๆ ไว้ทำอารายจ๊ะ?? เศรษฐกิจ คือ สิ่งที่เราสร้างได้แน่นอน ถ้าคนไทยยังมีลมหายใจอยู่คับ (ว้อยยยยยย )

และคุณสื่อมวลชนครับ ... ผมว่า ถึงเวลาแล้วที่พวกคุณจะต้องพูดความจริง.....
ถ้าจำไม่ได้ว่าผมพล่ามอะไร ให้ พูดดังนี้นะครับ

1. โรคนี้อันตรายครับ .... และยังกลายพันธุ์ให้อันตรายกว่านี้ได้อีกในปลายปีนี้ครับ
2. โรคนี้ หวังพึ่งยารักษาไม่ได้ครับ และตอนนี้เริ่มดื้อยาแล้วด้วยครับ
3. โรคนี้ต้องป้องกันอย่างเดียวครับ
4. จะควบคุมการระบาดได้ ต้องพร้อมใจกัน ใส่หน้ากาก ล้างมือบ่อยๆ พร้อมกันทั้งสังคมครับ
5. จะควบคุมการระบาดได้ ปิดโรงเรียน โรงหนัง ศูนย์การค้าใหญ่ๆ ได้แล้วครับ ขอแค่ 3 วันก็ยังดีครับ!!!!!

ของแถม (ส่วนนี้ถ้าอ่านไม่รู้เรื่อง ก็ช่างเถอะนะ)
ขออธิบายเรื่องการกลายพันธุ์ ของไวรัสล้วนๆ จะได้รู้ว่าทำไมผมถึงคิดว่าเราควรตื่นตัว

อธิบายความรู้พื้นฐานเพื่อให้เข้าใจก่อน
HOST = เหยื่อ ที่ไวรัสเข้าไปฝังตัว ( มนุษย์ หรือ หมู / นก สัตว์ต่างๆที่มันเข้าไปสิง)
HOST cell = เซลล์ ของเหยื่อ ที่ไวรัสเข้าไปฝังตัว ( เซลล์ มนุษย์ หรือ สัตว์)

+++ปฏิบัติการเมื่อไวรัสเข้าไปใน HOST Cell+++

ไวรัส เป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่ครบองค์ประกอบของการเป็นเซลล์ มันจึงไม่สามารถแพร่พันธุ์ด้วยตัวเองได้ แต่จะแพร่พันธุ์โดยการฝังตัวเข้าไปใน HOST cell

(ดูรูปประกอบ)
พื้นที่ สีชมพูทั้งหมด คือ HOST cell รูปหกเหลี่ยมสีเหลือง คือไวรัส หมายเลข 1-2 คือ ไวรัส สัมผัสผิวเซลล์ แล้วจะละลายตัวเองเข้ากับผนังเซลล์ บุกเข้ามาภายใน Host Cell หมายเลข 3 เมื่อเข้ามาแล้ว ไวรัสจะสลายเปลือกตัวเอง เหลือแต่ RNA คือเกลียวสีแดงในรูปหมาย เลข 4a RNA คือสารพันธุกรรมของไวรัสที่จะหลอกล่อ RNA ของHost (เกลียวสีน้ำเงิน) ให้มาประกบตัวเพื่อสร้างไวรัสตัวใหม่ออกมามากมาย (ปกติ RNA ของมนุษย์ มีไว้สร้างโปรตีน และสารจำเป็นอื่นๆ ต่อร่างกาย และแน่นอนมันเป็นสารที่มีรหัสพันธุกรรมมนุษย์อยู่ด้วย) ในรูป 4b คือ RNA ไวรัสหลอก RNA มนุษย์ ให้สร้างเปลือกใหม่ ให้มันแทนอันที่มันสลายทิ้งไปตอนแรก 4c คือ RNA ไวรัสหลอก RNA มนุษย์ ให้สร้าง RNA ไวรัสใหม่ (ที่ปะปนกับ RNA มนุษย์ เรียบร้อยแล้ว จะกลายพันธ์ได้ช่วงที่หนึ่งก็ตอนนี้แหละ) หมายเลข 5-6 ประกอบร่างกันใหม่อีกครั้ง ได้เป็นไวรัสลูก (ที่ขโมย RNA ของ Host มาผสมเรียบร้อย) จำนวนนับหมื่นนับแสน เข้าละลายผนังเซลล์ของ Host แล้ว บุกออกจากตัว Host ออกสู่โลกภายนอกอีกครั้ง.......ระบาดดด นั่นเอง.....

ไวรัสกลายพันธ์อย่างไร
1. Mutation = การผ่าเหล่าของพันธุกรรม : วิธีนี้ช้า ในมนุษย์ ใช้เวลาหลายร้อยชั่วคน แต่ในไวรัส ไม่กี่รุ่นก็ทำได้ (จำคำอธิบายข้างต้นว่า เพียงพ่อเดียว ( host ที่ไวรัสไปฝังตัว--> ไวรัสก็ออกลูกได้เป็นหมื่น จึงไม่ต้องรอหลายรุ่นอย่างมนุษย์) และแน่นอน ไม่ต้องรอนับพันปีอย่างมนุษย์ ไวรัสใช้เวลาเป็นวัน หรือ ชั่วโมงเท่านั้น
2. Genetic Recombination เป็นวิธีที่เร็วอย่างน่ากลัวเข้าไปอีก อธิบายดังนี้.....
โปรดดูรูปประกอบอีกครั้ง เกลียวสีแดงๆนั้นแทน RNA ซึ่งล่องลอยไปมาในเซล คราวนี้ลองนึกภาพว่า ถ้ามีไวรัสไข้หวัดใหญ่ 2 ชนิดขึ้นไปบุกเข้าไปในเซล์ Host พร้อมกัน ไวรัสนั้นจะสลายเกราะ ปล่อย RNA ของมันออกมาล่องลอยในเซลล์ ก่อนจะประกอบร่างตัวเองขึ้นมาใหม่เป็นไวรัสลูกหลานออกนอกเซลล์ ไอ้ตอนนี้แหละท่านผู้ชม... มันก็ลากเอา RNA อะไรก็ได้มาประกอบร่าง (ทั้งของไวรัสอีกตัวนึง กับของ Host) ผสมกันออกจากเซลล์ กลายเป็น ไวรัสพันธุ์ใหม่เสร็จสรรพ.....

นี่คือที่มาว่า ไวรัสไข้หวัดใหญ่ H1N1 ธรรมด๊าธรรมดา กลายมาเป็นไข้หวัดหมู เม็กซิโก 2009 ได้ยังไง
สรุปง่ายๆ คือ Host (คนหรือสัตว์) เกิดแจ็คพ็อตติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2 ชนิดขึ้นไปในคราวเดียวกัน ไวรัสก็จะไปผสมพันธุ์กันในร่างเหยื่อคนนั้น ก่อให้เกิดไวรัสพันธ์ใหม่ พร้อมกันทีเดียวหลายพันหลายหมื่นเผ่าพันธ์ แต่แน่นอน การผสมมั่วซั่วเหล่านี้ ไวรัสพันธ์ใหม่ที่ได้ส่วนใหญ่ จะอยู่ไม่รอดในธรรมชาติ แต่มันหลุดมาเป็นหมื่นชนิดมีหรือจะไม่มีชนิดนึงเล็ดรอด ใช่แล้ว และตัวที่รอดออกมาก็คือ “ไข้หวัดใหญ่ เม็กซิโก 2009 SWINE FLU ”

ดูแล้วพอจินตนาการได้มั้ยครับ ว่า ถ้ามันจะกลายพันธุ์ต่อก็ใช้วิธีเดียวกันได้ไม่ยากเลย!!!!!!

The bad news: the flu vaccine will not protect you.
ข่าวร้าย: วัคซีนไข้หวัดแบบปัจจุบันยังป้องกันอะไรไม่ได้

The good news: antiviral drugs (Tamiflu and Relenza) will work.
ข่าวดี: เค้าว่า ยา Tamiflu ช่วยได้

The bad news: antiviral drugs are not very effective after symptoms start, which is why they are not commonly used in medical practice.
ข่าวร้าย: ยาพวกนั้น จะใช้ไม่ค่อยได้ผล เมื่อเริ่มมีอาการแล้วววว นั่นคือสาเหตุที่หมอเองยังไม่ค่อยมีโอกาสสั่งยาพวกนี้เลย (ใครมันจะไปหาหมอกินยาก่อนมีอาการฟะ????)

Cheers,
CHAMP

Thursday, August 13, 2009

MIGRATE TO THE OCEAN: AUGUST 2009 TOUR



มาแล้ว! หลังจากที่เดือนที่แล้วไม่ได้เล่นเลย (ไอ้นุ-มือกลอง ไปเกาหลี กลับมาหน้ากลมเป็นซาลาเปาเลย)

เดือนนี้ Migrate มีเล่นสองที่นะ

ที่แรกวันที่ 15 ที่ Be-Bop ปาย (ของพี่ชาติเจ้าเก่า) เป็นงานของ HIP ที่จัดไปขายของตอนเย็นๆ แล้วก็มีเล่นสดตอนกลางคืน ร่วมกับอีกสองวงคือ Car Park และ Redking Palace เข้าใจว่าเริ่มเล่นกันประมาณสามทุ่ม

ที่ที่สองวันที่ 20 ที่ขันอาษา (เชียงใหม่) ที่ร้านกำหนดให้เป็นธีม 80s, 90s
ตอนแรกกะว่าจะเล่น Michael Jackson (ล้อเล่น) เราคงเล่น 80s, 90s แถวๆ NEW ORDER, MUSE, SMASHING PUMPKINS, SUEDE และ RADIOHEAD มากกว่า
ที่ขันอาษานี้เล่นกับอีกสองวงคือ Poo-Nan-Chai (Acoustic) อันนี้วงใครไม่รู้ (สงสัยวงพี่ปูหรือเปล่า?) แล้วอีกวงก็ Harmonica Sunrise เพื่อนของเราที่ NO SIGNAL 2.2 อีกวง

ใครว่างๆ ขอเชิญขอชวน
หรือถ้ายังไม่รู้จัก Migrate ขอเชิญที่ www.migratetotheocean.com นะ ^^

เกือบลืม วันนี้มีคนถามว่าทำไมโปสเตอร์ถึงเป็นช้าง ถามว่าเพราะไปเล่นที่ปายใช่ไหม?
จริงๆ ก็ใช่ด้วย แต่เหตุผลแรกมาจากเพลงของ Migrate เพลงนึงที่พี่ขลุ่ย (นักร้อง) เขียนขึ้นมาจากตอนดูสารคดีโขลงช้างเดินทางไปหาน้ำ (เพลง 'เร่ร่อน') พี่ขลุ่ยเล่าว่าตอนท้ายที่กล้องจับภาพไกลๆ จะเห็นว่าฝุ่นที่ตลบอบอวลนั้น มีช้างเด็กน้อยตัวนึงเดินหลงไปจากฝูง

เอวัง...

(เผื่อฝรั่ง ",)
Migrate to the Ocean: August 2009 TOUR

15 AUGUST @ Be-Bop, Pai
20 AUGUST @ Khan-Asa, Chiang Mai

...........................

Artwork by Paul, Peter & Salmon

RH AUG 09: GREETING

มาแล้วตามสัญญา 555
หน้าทักทายของเดือนสิงหา เป็นกระต่ายที่ได้มาจากคุณแก้วก๊อ ณ เชียงใหม่ ตอนวันเกิด ได้มาสองตัว แต่อีกตัวตาบอดและคอขาดไปแล้ว *_^ เลยเอามาอวดได้ตัวเดียว

ชอบที่มันกอดอกก็ได้ ขัดสมาธิก็ได้ น่ารักดี

^^

Redking Palace Live @ JJ MALL (BKK)

เดือนที่แล้วไปบางกอก
ปะเหมาะพอดีกับ Redking Palace ไปเล่นประกวดที่ JJ MALL
Redking เป็นเพื่อนของพวกเราใน NO SIGNAL 2.2
เป็นวงที่นัดดนตรีมากด้วยฝีมือและนิสัยดี
เป็นงานประกวดอะไรจำไม่ได้แล้ว รู้แต่ว่าเล่นเพลง cover ของวงพราว
โดยมีชาว พราว มาเป็นกรรมการ

ถ่ายรูปมาให้ดูเพลินๆ ตั้งแต่ก่อนเล่นจนถึงเล่นเสร็จ
(ถ้าดูดีๆ จะเห็น DerDaMissYou รางๆ อยู่ในรูปด้วย)
ไม่ได้เดินเพ่นพ่านไปถ่ายมากนัก เลยมีอยู่ไม่กี่มุม
ขออภัย

^^