Monday, November 9, 2009

Fall on Deaf Ears 27: NIGHT TALK with Kam P'Ga

สวัสดีเดือนพฤศจิกา

เผลอแป๊ปเดียว งานหูก็เดินทางมาจนครบสามปี ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 27 แล้วนะ จากครั้งแรกที่ขันอาษา (ปัจจุบันปิดตัวลงแล้ว) จัดงานที่นั่นอยู่ตลอดหนึ่งปีเต็ม จากนั้นเราก็โยกย้ายสถานที่ เปลี่ยนบรรยากาศให้เข้ากับเนื้อหาของงานในแต่ละเดือน (ซึ่งทำให้เราเรียนรู้ว่าไม่ควรจัดงานหน้าฝน เพราะจัดการยากมาก) จากคนมางานสามสิบคนในครั้งแรก เพิ่มเป็นเจ็ดสิบ เป็นร้อย ไล่ไปถึงสองร้อยในบางครั้ง จากบางเดือนที่มีสปอนเซอร์บ้างไม่มีบ้าง ตามกลไกสภาพเศรษฐกิจทั่วไป

RH ไม่รู้จะพูดอะไรได้อีกนอกจากขอ ‘ขอบคุณ’ ทุกๆ ท่านที่สนับสนุนกันเรื่อยมา
(โค้งงามๆ หนึ่งครั้ง)

เรื่องที่สำคัญมากสำหรับเรา คือการพยายาม ‘ออกแบบ’ เนื้อหาของงานหูให้ครอบคลุมในด้านต่างๆ บางเดือนเราปาร์ตี้เพื่อปาร์ตี้ สำหรับขาแดนซ์ บางเดือนเรานำเสนอวงดนตรีแปลกๆ สำหรับแฟนกลุ่มน้อยให้ได้ออกบ้านมานั่งฟังกันเป็นหมู่คณะ ถือโอกาสได้แนะนำวงดนตรีใหม่ให้กับคนอื่นๆ ได้ทดลองฟังเพลินๆ

เดือนนี้เราฉลองครบรอบสามปี เลยถือโอกาสทดลองเปิดตัวซีรีส์ใหม่ ‘คุยกลางคืน’ ที่เก็บดองในใจมานาน
เรามานั่งคุยกัน ตอนกลางคืน ในบรรยากาศที่ออกแบบมาเฉพาะการ เสวนาปาร์ตี้ เพื่องานเสวนาจะได้ไม่ต้องตกอยู่ในบรรยากาศเคร่งขรึมแบบวิชาการเท่านั้น (ว่ามั้ย?)

ครั้งแรกนี้เราได้อ้อนวอน คำ ผกา ให้มาเป็นแขกรับเชิญคนแรก สำหรับหนอนหนังสือ คงไม่ต้องอธิบาย คำ ผกา ให้มากความ แต่สำหรับท่านที่ไม่คุ้น คำ ผกา คือนักเขียนหญิงที่ร้อนแรงที่สุดคนหนึ่งแห่งสยามประเทศในปัจจุบัน คำ ผกา เป็นนามปากกาแท้ๆ ของ ลักขณา ปันวิชัย เช่นเดียวกับ ฮิมิโตะ ณ เกียวโต ซึ่งทั้งสองนามปากกาได้ปล่อยหนังสือรวมเล่มออกมาเพ่นพ่านแล้วถึง 14 เล่ม! โดยยังไม่รวมบทความกับเรื่องสั้นที่ได้รับการแปลเป็นภาษาญี่ปุ่นและอังกฤษ

(จดหมายจากเกียวโต, จดหมายจากสันคะยอม, ยำใหญ่ใส่ความรัก, กระทู้ดอกทอง, เมนูปรารถนา, รักไม่เคยชิน, เซี่ยงไฮ้เบบี้-แปล, ยุให้รำตำให้รั่ว, yasuraginotaishokutoku อาหารไทยง่ายนิดเดียว, ฉัน-บ้า-กาม, โสดสนุก สูตรอร่อย, เกียวโต-รักเธอมากขึ้นทุกวัน, Guidebook Kyoto-เขียนร่วมกับกรกฏ พัลลภรักษา, ส้นสูง สโนไวท์ ลิปสติก-เขียนร่วมกับกุสุมาลย์ ณ กำพู)

ความร้อนแรงของ คำ ผกา ไม่ได้มาจากรูปร่างหรือหน้าตา (แม้ว่าเธอจะเคยถ่ายแบบจนเป็นที่ฮือฮามาแล้ว!) แต่มาจากความคิดและทัศนคติของตัวเธอ ที่มีต่อเรื่องต่างๆ ในแบบที่เราคาดไม่ถึง (ถ้าไม่เชื่อลองติดตามใน มติชน สุดสัปดาห์ หรือในวารสารรายสามเดือนชื่อ อ่าน) ไหนจะความรู้ความสามารถเรื่องการทำอาหารที่หาตัวจับยากมากคนหนึ่งในประเทศเชียงใหม่ (คำ ผกา ทำไข่พะโล้อร่อยมาก!)

สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเราในการอ่านงานของ คำ ผกา ไม่ใช่การเชื่อฟังเธอ แต่เป็นการได้ฉุกคิดจากวิธีมองเรื่องราวต่างๆ ของเธอ ตั้งแต่เรื่องน่ารักๆ ในครัว ลามไปเรื่องเซ็กส์ ยันประวัติศาสตร์และการเมือง!

เดือนนี้เราจะได้พูดคุยกับเธอตัวเป็นๆ (เธอไม่ถือตัว) แบบไม่มีหัวข้อ (หรือมีก็หลวมๆ )โดยมีผู้ดำเนินรายการรับเชิญที่เราก็ต้องไปอ้อนวอนมาเหมือนกันคือ พี่จั้ง-ศีลวัตน์ รมยานนท์ พ่อครัวและเจ้าของร้านญี่ปุ่นชื่อ ฮาเทหน้า ที่ชาวเรารู้จักกันดี พ่วงด้วยตำแหน่งประธานบริษัทชื่อประหลาด ย้อนแยงสุนทรียะและสหาย ที่ก่อกวนโสตประสาทของวงการศิลปะร่วมสมัยในเชียงใหม่ได้อย่างน่าทึ่ง (อ่านถูกแล้วนะ พี่จั้งเป็นพ่อครัว! แต่เชื่อเถอะว่าแกมีความสนใจหลากหลายกว่าห้องครัวเล็กๆ ของแกแถวนิมมานท์)

ก็พี่จั้งนี่เองที่เอาโลโก้แอปเปิ้ลของ RH ไปย้อนแยงสุนทรียะจนออกมาเป็นโลโก้ (ล้อเลียนชั่วคราว) ของบริษัทย้อนแยงฯ เอง (ทำเอาเข้าใจผิดกันไปหลายคนเชียว)

เมื่อสองคนนี้มาพบกันในบรรยากาศ ‘กิน ดื่ม ฟัง คุย’ อะไรก็เกิดขึ้นได้ (เชื่อเถอะ!)

โปสเตอร์เดือนนี้ขอภาพถ่ายมาจากงาน FORBIDDEN TRUE COLOUR ของส้ม-เศวตีภ์ อินทรกำแหง (นักศึกษามีเดียฯ) ในงานนิทรรศการ madiFESTO ที่เราไปดูมาเมื่อเดือนตุลา เราติดใจปากแดงแจ๋ของน้องนางแบบ (ภัทรธมน ไตรยานุภาพ) เลยติดต่อส้มขอภาพถ่ายงานมายำใหม่เป็นโปสเตอร์งานหูดังที่เห็น รวมถึงขออนุญาตน้องนางแบบเป็นที่เรียบร้อย

เดือนนี้เราได้รับการเอื้อเฟื้อพื้นที่ดาดฟ้าจากมีเดียอาร์ตแอนด์ดีไซน์ (ข้างๆ หอศิลป์มอชอ) ซึ่งเป็นสถานที่ที่เหมาะอย่างยิ่งเวลาอากาศหนาวๆ เราจะไปนั่งพูดคุยกัน โดยออกแบบให้ผู้ฟังสามารถสื่อสารกลับไปยังโต๊ะสนทนาได้ตลอดเวลา รวมถึงงานออกแบบ ‘เสียงบรรยากาศ’ ที่ Derdamissyou (นักดนตรี) จะมาช่วยกำกับดูแลเทคนิคให้

เราจะเปิดลงทะเบียนตอนสองทุ่มครึ่ง เริ่มคุยกันตอนสามทุ่มตรง! ประมาณกันไว้ว่าจะเลิกตอนสี่ทุ่มครึ่ง ขึ้นกับบรรยากาศของการพูดคุย จากนั้นก็อาจจะปาร์ตี้กันต่อ งานครบรอบนี้จำกัดแค่ 100 ท่านเท่านั้น! ท่านที่สนใจโปรดอย่าลังเล รีบโทรมาสำรองที่นั่งได้หมายเลข 086 663 0303 ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด (หรือจะอีเมลพร้อมทิ้งเบอร์โทรศัพท์มาที่ iamvajira@hotmail.com ก็ได้)

ขอขอบคุณ ลุงกุ้ง และ หมาใจดำ ที่ช่วยสนับสนุนเครื่องดื่มในงานครั้งนี้

เดือนนี้เขียนยาวหน่อย ท่าทางจะได้ฤกษ์เขียนหนังสือเสียที
อากาศเริ่มหนาวแล้ว รักษาสุขภาพด้วย

แล้วพบกันคืนวันเสาร์ที่ 14 พฤศจิกา นะ

.ll. <--- กระต่าย
วชิรา
RabbitHood

++ ชวนกันแปะคำถามที่อยากถาม คำ ผกา ไว้ที่นี่ก็ได้นะ เผื่อใครที่มาไม่ได้ ^^

Hello November

Fall on Deft Ears is 3 years old now. This will be our 27th party. Our first party was at Khan Asa (now closed) and we hanged there for a full year. Then we moved around and learned that we shouldn’t have a party in the rainy season! First we had 30 people joining then 70, hundred and then two hundreds for some parties. Sponsors are occasionally. RH simply wants to thank you all for your continuous support.

It is not the number of people who join our party that matters, it is our consistency in organizing it that really matters. Cultural events deal with people in society. It should be consistent and deserve fine attention. It should be a part of our everyday life!

It is also important to us to ‘design’ our party with variety. Some parties are for the sake of partying. Sometime we offer unique kind of music to broaden our ears.

We will celebrate our 3rd anniversary this month with the launch of a new series called ‘Night Talk’ to escape the old style discussion overwhelmed by academic air.

Kam P'ka will be our first guest. She is the hottest female writer in Thailand now. Kam P'ka is the pseudonyms of Lakkana Punwichai. Another pen name is Himito Na Kyoto. With this name, she has 14 books out now. Not mentioning her articles and short stories that are translated into Japanese and English.

She is hot not because she looks so hot (though she posted in a magazine once and that issue was hot for a while!) but because of her thoughts and her idiosyncratic attitude. Her works in Matichon Weekly and Arn (Read) Quarterly Magazine are big proofs. She is also a rare fine chef (witch sleek taste in cook Kai Palo).

The most important thing in reading her works is that it ignites the process of thinking and criticizing in readers towards food, sex, history and politics!

This month, we are going to see her in person, and have a discussion with her. We invited Jung Silwat Ramyananda, celebrity chef who owns a Japanese restaurant called Hatena and President of a strangely-named art inc. called ย้อนแยงสุนทรียะและสหาย that rock Chiang Mai contemporary art for a while. (Yes! You read it right. Khun Jung has interested more than food!)

It is Jung who played around with RH logo with his company logo and misunderstood so many people.

What will happen when a writer and an artistic chef meet?!!

This month poster comes from Forbidden True Color, by Som Sewatee Intarakhamhaeng, displayed at madiFESTO exhibition that RH visited in October. We were intrigued by the red lips of the model Pataramon Trayanuphab so we asked for their permission of these photos to appear on our poster.

November party will be at the deck of Media Arts and Design (next to CMU Art Museum), a perfect venue for a talk in the winter. An interactive function has been designed for communications between guest speakers and audience. Derdammissyou (musicians) will help us on sound system.

Registration opens at 8.30 pm. The talk starts at 9 pm sharp! This will end around 10.30 pm depends on our discussion. We expect post-talk party. Our anniversary events opens for only 100 guests! Book your seat at 086 663 0303. Free of charge.

Thanks to Uncle Kung and Maa Jai Dum for your support on beverage.

This is a long update. I should start my writing.
The winter has finally arrived. Take care and see you on Saturday 14 November.

.ll.
Vajira
RabbitHood

Sunday, November 1, 2009

Girl of the Soil: PLAY


มีข่าวมาฝากจากคณะ B-Floor
ใครอยู่ใกล้ๆ ขอเชิญไปชม ^^
................

ร่วมส่งใจเชียร์ส่งละครไทยไปญี่ปุ่น ชมละครไทย ฝีมือคนไทย ในเทศกาลละครกรุงเทพ ๒๕๕๒ ก่อนผู้ชมในโตเกียว เครือข่ายละครกรุงเทพขอเชิญชม ละครเวทีร่วมสมัย "สาวชาวนา" จากบทละครเรื่อง Girl of The Soil ของ โนดะ ฮิเดกิสร้างสรรค์เป็นละครไทย โดย รวมมิตรนักละครเวทีฝีมือเอก จาก คณะละครร่วมสมัยของประเทศไทย :- คณะละครแปดคูณแปด, เบบี้ไมม์, บีฟลอร์, New Theatre Society,
พระจันทร์เสี้ยวการละคร, คณะละครสมมุติ และ กลุ่มละครเสาสูง

กำกับการแสดงโดย นิกร แซ่ตั้ง
ดูแลการผลิต โดย พิณทิพย์ สัตย์เพริศพราย

วันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ ๑๙.๓๐ น.
วันที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ ๑๔.๐๐. ๑๙.๓๐ น.
๓ รอบเท่านั้น
ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย (หอประชุมเล็ก)
บัตรราคา 500 บาท, 300 บาท / นักเรียน-นิสิต-นักศึกษา 200 บาท (เมื่อแสดงบัตร)
จองบัตรได้แล้ววันนี้! โทร. ๐๘ ๖๕๔๕ ๔๐๒๐


ผลงานละครของ โนดะ ฮิเดกิ อัจฉริยะทางการละครของญี่ปุ่น อีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งตอบรับบริบทเดียวกันกับสังคมไทย คือเรื่อง Nogyo-shojyo แปลเป็นภาษาไทยตรงๆ เลย ก็ได้ชื่อเรื่องว่า “สาวชาวนา” (SaoChaoNa) เรื่องราวของเด็กสาวจากอีสานที่หนีเข้ากรุงเทพฯ จนชีวิตผันผวนจากการโฆษณา ชักชวน ให้เชื่อในเรื่องราวต่างๆ จนบังเกิดข้าวไทยพันธุ์ “สาวชาวนา” ที่ถูกขายด้วยการโฆษณาชวนให้เชื่ออยู่ดี

ละครเรื่องนี้เป็นการรวบรวมนักแสดง และ นักการละคร จากคณะละครที่เป็นสมาชิกร่วมก่อตั้ง ของเครือข่ายละครกรุงเทพ ได้แก่ คณะละคร 8x8 กลุ่มละครใบ้ Babymime กลุ่มละคร B-Floor คณะละคร New Theatre Society พระจันทร์เสี้ยวการละคร คณะละคร “สมมุติ” และ กลุ่มละครเสาสูง มาร่วมมือกันสร้างสรรค์งานผลงานละครนี้ โดยมี สินีนาฏ เกษประไพ แห่ง พระจันทร์เสี้ยวการละคร และณัฐ นวลแพง แห่ง กลุ่มละคร เสาสูง เป็นผู้ดัดแปลงบท นิกร แซ่ตั้ง แห่ง 8x8 รับหน้าที่ผู้กำกับการแสดง

Bangkok Theatre Network (BTN) proudly presentsThai contemporary Theatre"Girl of the Soil” original written by NODA Hideki

This play has a lot in common with present situation in Thailand. Such as farm village and city, peoples’ excitement and fascism, and the warped organism, so on. The scene, originally set in Japan, will be changed into Thailand. So, Noda will visit Bangkok and have several work- shops with directors there to complete the remake.

Adapted to Lakorn Thai by Thai Contemporary Theatre Companies:-8x8 Theatre, Babymime, B-Floor theatre, New Theatre Society, Crescent Moon Theatre, SomMood and SaosoongDirected by Nikorn Sae TangProduced by PinTip SatPretPry

NOV 3rd 2009 19.30 /
NOV 4th 2009 14.00, 19.30
3 shows only
@ Thailand Cultural Center (Small Hall) Ticket ฿500, ฿300 / student ฿200
available@ 08 6545 4020 NOW!


จองบัตรละครเวที “สาวชาวนา” ได้แล้ววันนี้!
โทร. ๐๘ ๖๕๔๕ ๔๐๒๐
“Girl of the Soil” Tickets Now Available!
tel. 08 6545 4020

Juno: MOVIE


โหย...กว่าจะได้ดูเสียที

ชอบมากกกกกกก ^^ เรื่องของเด็กหญิงอายุ 16 ชื่อ Juno ที่มีเซ็กส์ด้วยความตั้งใจกับเพื่อนที่ชอบกัน (แต่ไม่รู้ตัวว่าชอบ) แล้วเกิดตั้งท้องด้วยความไม่ตั้งใจ หนังเล่าเรื่องหลังจากที่เด็กหญิงรู้ว่าตัวเองท้อง และวิธีแก้ปัญหาต่างๆ นานาของเธอ ต้งแต่การตัดสินใจบอกเพื่อน บอกพ่อและแม่เลี้ยง ไปตามหาคนที่จะอุปการะเด็กที่กำลังจะคลอดออกมา

ที่ชอบที่สุดคือในหนังเราจะเห็นว่าไม่มีใครผิดสำหรับเรื่องนี้ ไม่ต้องถูกประนามจะสังคมแบบที่ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด (สำนวนละครไทยก็ว่า ไม่รู้จะเอาหน้าไปซุกไว้ที่ไหน) เด็กหญิงจูโน่ก็ไปเรียนตามปกติ และใช้ชีวิตแบบเด็กอายุ 16 ที่กำลังจะเป็นแม่คน...อย่างปกติ

ชอบวิธีที่หนังแสดงท่าทีกับปัญหาของเด็กวัยรุ่นที่เกิดขึ้น ซึ่งแตกต่างจากวิธีแก้ปัญหาในกรอบคิดเดิมๆ ที่นัดเยียดข้อหาให้เด็กสาวที่ตั้งท้องกลายเป็นเด็กเลว และ..พ่อแม่ก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปซุกไว้ที่ไหน

ตอนที่จูโน่บอกพ่อกับแม่เลี้ยง เธอพูดว่า สิ่งเดียวที่หนูต้องการจากพ่อกับแม่ คือความเมตตา...
แล้วพ่อกับแม่เลี้ยงก็ช่วยกันแก้ปัญหาให้เธอ (โดยเฉพาะฉากที่แม่เลี้ยงด่าเจ้าหน้าที่อัลตร้าซาวน์ที่มีชุดความคิดมาตรฐานว่าครอบครัวที่ปล่อยให้ลูกท้องย่อมเป็นครอบครัวที่เลว...ด่าได้สมใจมาก!)

จูโน่ (ในเรื่อง) เป็นเด็กฉลาด จากบทสนทนาที่เธอพูดออกมาแต่ละคำ ทำให้รู้ว่าเด็กสาวคนนี้ต้องใช้ชีวิตประจำวันมาอย่างแน่วแน่ เพราะเธอมีเรื่องที่ตัวเองสนใจอย่างชัดเจน และที่สำคัญกว่าความชัดเจนคือเธอสนใจมันจริงๆ

น่าจะบรรจุเป็น หนังดูนอกเวลา (เหมือนหนังสืออ่านนอกเวลา) ให้เด็กนักเรียนมัธยมแห่งสยามประเทศเป็นอย่างยิ่ง อย่างน้อยเขาจะได้รู้ว่า ก่อนจะทำอะไรนั้น สิ่งที่สำคัญกว่าความถูกผิดดีเลวในสายตาคนอื่น คือการที่ตัวเองต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ตามมา...ก็แค่นั้นเอง (แต่สงสัยต้องผ่านด่านคุณระเบียบรัตน์ไปให้ได้ก่อน 555)

ชีวิตที่แคร์แต่คนอื่น คนอื่น คนอื่น และคนอื่น ไม่น่าจะมีความสุขจริงๆ นักหรอก

ไตเติ้ลก็น่ารักมาก สมกับวัยของเรื่อง สร้างสรรค์โดย Shadowplay Studio ในลอสแองเจลลิส ซึ่งทีมนี้ก็
เคยทำให้กับหนัง Thank You for Smoking ของผู้กำกับคนเดียวกันนี้มาก่อน

เพลงประกอบก็เพราะมากด้วย ^^

ชื่อจูโน่ เป็นชื่อที่เอามาจากเทพปกรณัมโบราณของโรมัน เป็นน้องและเป็นภรรยา (งงมั้ย?) ของเทพ Jupiter เชื่อกันว่าเธอเป็น the Roman goddess of marriage and queen of the gods กันเลยทีเดียว

น่าจะได้ชมกันเป็นส่วนใหญ่แล้ว แต่ถ้ายัง ขอแนะนำว่าไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง!

Written by Diablo Cody
Directed by Jason Reitman


(แถม)
คนเขียนบทพูดไว้ดังนี้

"You can look at it as a film that celebrates life and celebrates childbirth, or you can look at it as a film about a liberated young girl who makes a choice to continue being liberated. Or you can look at it as some kind of twisted love story, you know, a meditation on maturity."—Diablo Cody

The Bourne Trilogy: MOVIE


เพิ่งจะได้ดูเต็มๆ กับเขา สนุกดีนะ ได้ข่าวว่าจะมีภาพสี่แล้วนี่นา...
หนังทำจากนิยายของ Robert Ludlum (เคยเห็นหนังสือแปลของพี่คนนี่เยอะแยะ แต่ไม่เคยอ่าน) ดูแล้วสนใจว่านักเขียนบางท่าน สามารถสร้าง ตัวละคร ขึ้นมาให้เป็นที่จดจำของคน แล้วยิ่งในสมัยที่หนังทำหน้าที่สื่อสารได้กว้างกว่า พอเอามาทำเป็นหนัง ตัวละครก็ยิ่งได้รับการแนะนำในวงกว้างมากขึ้น

สนุกดี...
คนจำอดีตไม่ได้ ก็เที่ยวตามหา
หาพบแล้วก็ใช่ว่าจะเป็นดังใจ

(รวมกันสามภาค)
Directed by Doug Liman
Directed by Paul Greengrass