Tuesday, August 19, 2008

FALL ON DEAF EARS: AUGUST 2oo8


(scroll down for lousy english)

ทะลุหูขวา.สิงหา/F>O>D>E>18>AUGUST>Come On Feel The 80s!!
Feat. ชัยชนะ สิมะเสถียร (ช่างภาพ)/ Chaichana Simasatien (Photographer)

เสาร์
23 สิงหาคม 2551/Saturday 23 August 2oo8
@ M.I.X. Nimman Soi 1 (former location of Drunken Flower)
21.oo till Midnight/ Admission Free/
for reservation, pls call o86 663 o3o3 (recommended)


This Month 'Rabbit Heart JOY DIVISION' (1976-198o)
DVD Screening: Joy Division; A Documentary by Grant Gee 19.3o-21.oo


สวัสดีเดือนสิงหา เชียงใหม่ฝนตกนักขนาด

ตอนแรกเดือนนี้จะจัดงานวันที่ 15 แต่ขอเลื่อนมาเป็นวันที่ 23 เพราะตั้งใจมีแขกรับเชิญพิเศษซึ่งก็คือพี่หม่อง พี่หม่องเป็นช่างภาพคร่ำหวอดในวงการมานาน จณะเดียวกับที่มีงานอดิเรกคือการเปิดเพลงอยู่ที่กรุงเทพฯ มานานแล้วเหมือนกัน คราวนี้พี่หม่องตกปากรับคำหลังจากที่คุยกันมานานแล้ว แต่เพิ่งสบโอกาสที่พี่หม่องมาเชียงใหม่พอดี

ครั้งนี้เลย
เป็นครั้งแรกที่งานหูมีแขกรับเชิญที่มาเปิดเพลงด้วยกัน!(ที่ผ่านมามีแต่แขกรับเชิญที่มาแสดงงาน)
พี่หม่องนั้นเป็นเจ้าพ่อเพลงไทยเก่าๆ ยิ่งถ้าวันไหนแกได้รู้ว่าใครอกหัก ก็จะตะบี้ตะบันเปิดเพลงเจ็บปวดอัดใส่โดยไม่มีการบันยะบันยัง (เคยโดนมาแล้ว!) ขอยืนยันว่าหนำใจจนบอกไม่ถูก แต่ไม่ใช่แค่นั้น แกยังมีเพลงไทยแปลกๆ ที่เราไม่ค่อยได้ฟังกันอีกเยอะแยะ ถ้าไม่ติดธุระอะไรก็ไม่อยากให้พลาดเลยจริงๆ

เดือน
นี้จัดเป็นคืน 80s! เคยจัดไปเมื่อปีที่แล้ว ย้อนวัยกันไปชุดใหญ่ สนุกสนานอย่าบอกใคร ปีนี้ก็หวังว่าจะสนุกสนานเช่นกัน แถมด้วยความระลึกถึง Joy Division วงดนตรีของยุคสมัยปลาย 70s ที่โด่งดังเปี้ยงปร้างในสมัยนั้น และส่งอิทธิพลกับวงการดนตรีมาจนถึงวันนี้ (ลายเส้นขาวๆ ในโปสเตอร์นั่นคือลายเส้นบนปกอัลบั้มแรกของพวกเขา) แต่น่าเสียดายที่ Joy Division กลับต้องจบวงไปอย่างรวดเร็วด้วยการฆ่าตัวตายของนักร้องนำ Ian Curtis ผู้ซึ่งเขียนเนื้อเพลงได้งดงามเหลือเกิน (ใครสนใจขอแนะนำให้ไปหาหนังเรื่อง Control มาดู)

ถ้านึกไม่ออก Joy Division ที่เหลืออยู่ก็คือ New Order ในปัจจุบันนั่นเอง(อ่านเรื่อง Joy Division เพิ่มเติมได้ที่นี่ http://iamvajira.blogspot.com/2008/08/16-artist-joy-division.html
)

เดือน
นี้จะฉายหนังสารคดีของ Joy Division ตอนทุ่มครึ่ง ผู้กำกับก็ไม่ใช่ใครที่ไหนคือ Grant Gee ที่กำกับมิวสิควิดีโอให้ Radiohead บ่อยๆ แกทำสารคดีปกติธรรมดาออกมาได้ล้ำจริงๆ ใครสนใจขอเชิญมาร่วมชม (ขอเริ่มฉายตรงเวลานะ)

งานคราวนี้จัดที่ร้าน M.I.X. เป็นบริเวณเดิมของร้านเมาดอกไม้เก่านั่นเอง เจ้าของคือคุณจ้ำ คุณจ้ำนี้เป็นอาจารย์สอนประวัติศาสตร์ในมหาวิทยาลัย (มีวันนึงนั่งคุยกับแกเรื่องเขาพระวิหาร สนุกดี) ร้านแกเพิ่งเปิดได้เดือนเดียว ที่จริงเคยไปเล็งๆ ไว้ตั้งแต่ตอนเริ่มจะปรับปรุง แต่โอกาสไม่อำนวย ตอนนี้สบโอกาสแล้วก็เลยได้ร่วมงานกันเสียที ร้านสวย กว้างขวาง จุคนได้มาก (จะได้ไม่โดนบ่นว่าจัดงานร้านแคบอีก) เราตกลงกันว่าจะใช้พื้นที่ด้านนอกสำหรับงานหู ส่วนพื้นที่ด้านในก็จะเก็บไว้ให้แขกประจำของร้านแก

อ้อ..เกือบลืม ปกติงานหูไม่เน้นแต่งตัว แต่เดือนนี้เห็นว่าเรียกร้องกันอยากให้สนุกสนาน จึงใคร่ขอเชิญชวนทุกท่านแต่งตัวกันมาเต็มที่ จะ Retro แบบ 80s ก็ยินดี หรือถ้าไม่สะดวกจะ Colourful ก็ได้ไม่ว่ากัน

RabbitEyes (ช่างภาพประจำคืนวันงาน) ก็ยังรับอยู่ ใครสนใจก็ส่งผลงานมาดูกันได้ ส่วนท่านๆ ที่เคยส่งมาแล้วยังไม่ได้รับการตอบกลับ โปรดอดใจรออีกนิดนะ

งานเดือนนี้ก็ยังมี RabbitShop (กาดกระต่าย) เหมือนเดิม คนที่ได้มาคราวที่แล้วคงพอจำได้ ใครอยากเอาอะไรมาขายก็ขอให้ถ่ายรูปผลงานแล้วส่งมาให้ดูกันก่อน (เห็นไอ้เกี๊ยงกำลังเร่งผลิตงานอยู่) ส่วน RabbitHood ก็จะส่งกระเป๋าผ้าลายใหม่ๆ เข้าประกวด ส่วนลายเก่ายังพอมีเหลืออยู่แต่น้อยเต็มที

เกือบลืมอีกแล้ว พอดีเดือนนี้นิตยสาร Compass และ Click ของเชียงใหม่มาสัมภาษณ์เรื่องโปรเจกต์งานหูและ RabbitHood ท่านที่สนใจว่า RabbitHood คิดอะไร สุขสบายดีหรือไม่อย่างไร ก็สามารถหยิบเอากลับไปได้ในงาน

เขาลือกันว่าคืนวันที่ 23 เราจะเห็นคล้ายๆ พระจันทร์สองดวง ตอนหลังเที่ยงคืน เพราะเป็นคืนที่ดาวอังคารโคจรมาใกล้ดวงจันทร์ที่สุด ถ้าสติยังอยู่ จบงานแล้วมารอดูกันนะ

เดือนหน้า (กันยา) ขอแจ้งงดไว้ล่วงหน้า เจอกันอีกครั้งตอนเดือนตุลาวันที่ 11 ที่ GrooveYard, ปาย.

แล้วเจอกันในงานนะ
รักษาตัวด้วย

วชิรา
RabbitHood
http://www.rabbithood.net/

-----------------------------

Dear all,
This month we are going to make The 80s night! (again) with the first time Guest spinning for F>O>D>E>. He is a senior photographer from bkk who become famous on spining Thai Retro for years. I bet you shouldn't miss!.

Along with 80s, This month Rabbit also tribute one of most influential bands of our time, Joy Division. We are going to screen this very fantastic documentary by Grant Gee (Radiohead's MVs Director). It s the true story of the meteoric rise and fall of the band. The screening will start at 19.30 on time!

well, normally we never give a shit on yr dress, but this month we may ask you to dress extremely 80s or colourful. Let's make it together.

Last, there will be no F>O>D>E> in September. See you guys again on Oct 11 @ GrooveYard, Pai.

take care,
vajira
RabbitHood

15 comments:

Anonymous said...

งานผ่านไปแล้ว
สนุกสุดบรรยาย
รอดูรูปนะ
^^

Anonymous said...

แด๊นซ์ลืมโลก
เต้นจนแว่นหายเลย..
'5 5 5

Anonymous said...

ไป

แต่ อยู่แป๊บบบบบบ เดียว

เซ็ง Atmosphere(s)

Anonymous said...

Vikul
ช่วยอธิบายอีกหน่อยว่าเซ็งอะไร
บรรยากาศไม่สนุก? หรือเพราะว่าไม่คุ้น?
เพราะถ้าพูดเฉยๆ ว่า 'เซ็งบรรยากาศ' มันก็ไม่รู้ความหมายจริงๆ อยู่ดี

มีคนบอกเหมือนกันว่าไม่ค่อยกล้าเข้างาน
เพราะดูเหมือนทุกคนรู้จักกัน ก็อยากจะบอกว่าที่จริงก็ไม่ได้รู้จักกันหมด หรือหลายๆ คนหลายๆ กลุ่ม ก็รู้จักเพราะว่ามางานนั่นแหละ มาหลายๆ ครั้งเข้าก็เริ่มเป็นเพื่อนกัน

เราว่าบรรยากาศงานมันเป็นมิตรมากนะ
ถ้าไม่รีบชิงตั้งแง่ซะก่อน

แต่เอาเถอะ ถ้ารู้สึกแบบนั้นจริงๆ ก็คงห้ามความคิดกันไม่ได้ เสียดายอย่างเดียวว่ามันจะเสียเจตนาที่จัดงานขึ้นมา ด้วยเหตุผลที่ไม่ค่อยจะยุติธรรมกับงานและคนอื่นๆ ที่มางานเท่าไหร่นัก
(เช่น มีบางคนก็ไม่มางานอีกเลย เพราะว่ามาแล้วจะเจอแฟนเก่า อะไรทำนองเนี้ย...)

ประเด็นคือว่า อยากให้ชัดเจนว่า ไม่ชอบ อะไร
ถ้ามองในฐานะคนทำงาน ก็จะได้ปรับปรุงได้ถูกเรื่อง

Anonymous said...

อยากทราบว่า พี่ไปอกหักตอนไหนเหรอ เพราะเท่าที่ศึกษา blog พี่มา เหมือนแต่จะมีพี่ไปหักอกคนอื่นนะ สงสัยที่พี่เขียนว่าเคยโดนกระหน่ำเปิดเพลงตอนอกหัก คงจะตอนที่พี่ยังละอ่อนมากๆ ใช่เป่า

Anonymous said...

หรือคนที่หักอกพี่ คือ คนที่พี่โทรฯไปหาตอนที่พี่เมา ??

Anonymous said...

เรื่องตอนพี่หม่องเปิดเพลงนั้นมันก็นานพอควรแล้ว ก็ปล่อยมันไปเถอะนะ

เราก็เป็นคนธรรมดาเหมือนคนอื่น มีสมหวัง มีผิดหวัง คละๆ กันไป คงไม่ใช่เทวดาที่จะเสกให้ชีวิตตัวเองเป็นไปได้ดังใจ ชีวิตทุกคนก็ต้องเคลื่อนตัวไป พร้อมๆ กับรายละเอียดปลีกย่อยมากมาย

เรื่องสำคัญคืออย่าเพิ่งรีบตัดสินใครเร็วเกินไป เพราะนอกจากจะไม่ยุติธรรมแล้วยังมักง่ายเกินไปด้วย

การพยายามทำความเข้าใจคนอื่น ย่าจะทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้น ^^

Anonymous said...

ไม่ได้คาดหวังว่าจะบรรยายได้จริงจังและเครียดขนาดนี้ ถ้าย้อนเวลาได้คงจะไม่ถามดีกว่า ไม่รบกวนแล้วหล่ะ

Anonymous said...

อ้าว... เครียดไปหรือ ขออภัย..
ก็นึกว่าเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน

ถามอีกได้นะ...ถามเลย
^^

Anonymous said...

ก่อนจะกล่าวอำลา อยากชี้แจงว่าเราไม่ใช่คนมักง่าย เพราะถ้าใช่ ความผูกพันในวัยเยาว์ก็คงจะมลายหายไปตามกาลเวลาและตามวงโคจรที่ห่างกันไป เหมือนกับที่เร็วๆ นี้ใครบางคนเขียนไว้ว่า ความทรงจำมีวันหมดอายุของมัน การจะรักใครสักคนอย่างจริงใจมันยาก รวมถึงการ"ตัด"ใครบางคนออกไปจากใจและความทรงจำก็ยากเช่นกัน แต่จากนี้ไปเราจะพยายามให้มาก จะหลบและเลี่ยงให้มากกว่าเดิม จะได้ไม่ถูกเข้าใจว่าชอบตัดสินคนอื่นเร็วเกินไป ก็แค่คนหนึ่งคนที่เดินเข้ามารบกวนและจะเดินจากไป

Anonymous said...

อ้าว...เป็นเรื่องจนได้
บางทีเราอาจไม่คุ้นเคยกับการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
โดยที่ไม่มีเรื่องความรู้สึกส่วนตัวเข้ามาเกี่ยวข้อง
การแสดงความคิดเห็นในประเด็นต่างๆ ไม่น่าจะหมายถึงการ "ว่ากล่าว" กัน
การพยายามอธิบายความคิดในบางครั้งอาจดูเหมือนขัดแย้ง
แต่การใช้ชีวิตท่ากลางความขัดแย้งก็อาจเป็นความงดงามแท้จริงของการมีชีวิตไม่ใช่หรือ?

พื้นที่ตรงนี้ค่อนข้างมีความเป็นสาธราณะอยู่สูง
จึงจำเป็นต้องแสดงความคิดเห็นไว้กว้างๆ
สำหรับคนอื่นๆ ที่อาจไม่มีได้มีความสัมพันธ์กันแบบเครือญาติ
ซึ่งย้ำอีกครั้งว่า เราเปิดพื้นที่ให้แสดงความคิดเห็นได้เต็มที่
โดยที่ไม่ต้องกังวลว่าจะกระทบกระเทือนความรู้สึก (ของเรา)

ทุกๆ สังคมเคลื่อนไปด้วยความขัดแย้งอยู่แล้ว
ขอเพียงเรายอมรับความจริงข้อนี้ให้ได้
(จะได้ไม่ต้องมาคอยบอกว่า เป็นคนไทยต้องรักกัน เพราะมันเป็นคนละเรื่อง)
การมีความเห็นต่างกันในบางเรื่องไม่น่าจะใช่เรื่องเสียหาย
เพราะมันไม่ได้หมายถึงการ ตัดสิน คนที่คิดเห็นต่างกับเรา
และที่สำคัญที่สุด มันไม่ได้หมายความว่าเราไม่ได้รักกัน

บางทียิ่งรัก ก็ยิ่งต้องอธิบยถึงสิ่งที่เห็นแย้งนะ...

Anonymous said...

สะกดผิดเพียบ ไม่ต้องรีบพิมพ์ก้อได้นะ
1) แต่การใช้ชีวิตท่ากลางความขัดแย้ง
2) มีความเป็นสาธราณะอยู่สูง
3) ก็ยิ่งต้องอธิบยถึงสิ่งที่เห็นแย้งนะ...

Anonymous said...

อ๊ากกกกกกก........ผิดเยอะจริงๆ ด้วย ; (
ไม่ได้รีบหรอก แต่ง่วง..
ขออภัยจริงๆ คราวต่อไปจะระวังให้มากขึ้นนะ
ขอขอบพระคุณที่ทักท้วง ; )

Anonymous said...

ขอบพระคุณอย่างสูงสำหรับคำชี้แนะ เราได้เรียนรู้และตระหนักอะไรในหลายๆ ข้อจากคำสอนของคุณวชิราและเห็นด้วยกับทุกประเด็นที่กล่าวมา ไม่ว่าจะเป็น
- ตรงนี้เป็นพื้นที่สาธารณะ
- เราไม่ได้เป็นเครือญาติกันแต่อย่างใด
- และที่สำคัญเราก็ไม่ได้รักกันอีกเช่นกัน

ตอนนี้ดีใจที่ใครบางคนเขียนเอาไว้ว่า "...แต่น่าเสียดายที่ความทรงจำมีวันหมดอายุ พอถึงวันนึง ก็อาจจะจดจำอะไรไม่ได้อีกแล้ว..." เพราะตอนนี้เราอยากให้ความทรงจำนี้หมดอายุไปเลย ขอบใจและขอบคุณสำหรับคำสอนอันมีค่า

Anonymous said...

เฮ้อ...เหนื่อยใจ
เหมือนจะคุยกันไม่เข้าใจเสียที

ถ้ายังย้ำคิดย้ำทำ
ว่าการแสดงความคิดเห็นที่ผ่านๆ มา
เป็นเรื่องของการแสดงความคิดเห็น
ไม่ใช่การมาว่ากล่าวหรือตัดสินกัน
ก็จนปัญญา...ไม่รู้จะทำยังไงต่อไปแล้ว

หรือเราควรงดการให้แสดงความคิดเห็นกันไปเสียเลย
จะได้ไม่ต้องมีการทำร้ายความรู้สึกกันเกิดขึ้น

ยิ่งคุย ยิ่งลากเข้าไปเป็นเรื่องของความรู้สึกล้วนๆ เสียแล้ว..

เอาล่ะ ยืนยันอีกครั้งว่าไม่ใช่คำสอน หน้าอย่างงี้จะไปสอนใครได้ หลายเรื่องก็ไม่เข้าใจดีพอ ก็ค่อยๆ ใช้เวลาเรียนรู้กันไป

ถ้ารักใคร่ชอบพอ สนอกสนใจสิ่งต่างๆ ร่วมกัน ก็ค่อยๆ เดินไปด้วยกัน แลกเปลี่ยน ถกเถียง เพื่อความเข้าใจในชีวิต ที่หวังว่ามันจะค่อยๆ แจ่มชัดขึ้น

ที่สำคัญ ระหว่างทางมันจะได้ไม่เหงาเกินไป

แต่ถ้าไม่สนใจ, ก็จนปัญญา
เคารพทุกๆ การตัดสินใจ โดยเฉพาะการตัดสินใจที่บางครั้งแตกต่างไปจากความต้องการของเรา

ก็ขออวยพรให้โชคดี สุขภาพแข็งแรง...

(หมายเหตุสำหรับท่านอื่นๆ ที่อาจจะงงๆ..
ข้อความที่ว่า "ความทรงจำมีวันหมดอายุ" นั้น
เป็นส่วนหนึ่งของข้อความที่เราเขียนถึงคุณย่า
ตอนที่คุณย่าเสีย)