เอาล่ะ...ถึงเวลาคุยกันเรื่องกระเป๋าอย่างเป็นเรื่องเป็นราวเสียทีนะ ^^
เรื่องก็เหมือนกับที่หลายๆ คนทราบ ว่าหลายๆ งานของ RabbitHood นั้นไม่มีรายรับ ยกเว้นบางครั้งที่หาสปอนเซอร์ได้เท่านั้น แต่ในสถานการณ์ที่ค่อยๆ แย่ลงเรื่อยๆ อย่างทุกวันนี้ ก็คิดว่าเข้าใจสปอนเซอร์นะ จะใช้จ่ายอะไรก็คงต้องคิดมากกว่าเดิม ครั้นจะรอรายรับจากสปอนเซอร์อย่างเดียว ก็เกรงว่าจะมักง่ายเกินไปสักหน่อย ก็เลยลองคิดเล่นๆ ว่า ในระหว่างการรอนั้น เราลงมือทำอะไรได้บ้าง
ที่จริงสินค้าชิ้นแรกนั้นควรจะเป็นเสื้อยืด แต่ก็ยังหาผ้าและที่ตัดเย็บที่ถูกใจไม่ได้ โครงการทำเสื้อก็เลยยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ระหว่างนั้นก็เลยคิดถึงกระเป๋า เพราะเป็นของใกล้ตัวที่ใช้เองกับมือมายาวนาน ก็พอจะรู้ ขนาดและลักษณะที่น่าจะใช้งานได้ดี กระเป๋าชุดแรกก็เริ่มต้นในเวลาต่อมา
ต้องเล่าว่ากระเป๋า RabbitBag นี้ถ้าไม่ได้รับความช่วยเหลือจาก 'ไอ้เกี๊ยง' ก็คงทำไม่สำเร็จ ไอ้เกี๊ยงเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการประดิษฐ์ประดอย แม่นยำเรื่องกาดหลวง (ตลาดวโรรส) เป็นที่สุด ก็ได้ไอ้เกี๊ยงนี่แหละเป็นคนพาไปเดินตลาด เลือกผ้า ส่วนการตัดเย็บนั้นก็ได้คุณแม่เพื่อน ที่เขามีโรงเย็บผ้าขนาดเล็กๆ ทำเป็นอุตสาหกรรมเล็กๆ ในครัวเรือน
ที่เย็บนี้อยู่ไกลเมืองพอสมควร แต่วิวทิวทัศน์ระหว่างทางไปก็สวยงามจับใจ มีทุ่งนาเขียวสดสลับบ้านเรือนไปตลอดทาง วันไหนที่ไปนั่งทำฉลากกับเขา (รีดฉลากเล็กๆ ที่อยู่ขอบกระเป๋า-สำหรับรุ่น stripe) ก็นั่งฟังแม่บ้านเขาคุยกันสนุกดี ส่วนใหญ่ก็บ่นเรื่องข้าวของ ผัก ผลไม้ที่ราคาแพงขึ้น อีกอย่างคือรายการวิทยุที่พวกเขาฟังกันก็น่ารักดี จัดเป็นภาษาเมือง ฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง ก็พยายามกันต่อไป
RabbitBag จึงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับการรณรงค์เพื่อลดภาวะโลกร้อน ไม่ใช่ไม่สนใจ แต่ว่าลำพังการใช้กระเป๋าผ้าตามแฟชั่นอย่างเดียวไม่น่าจะพอ คงต้องปรับพฤติกรรมอื่นๆ ในชีวิตประจำวันควบคู่ไปด้วย
คุยกันเล่นๆ ว่า เหมาะจะเป็น 'โครงการยังชีพ' มากกว่า ^^
ที่จริงกระเป๋านี่ก็ทำมาได้สักพักแล้ว มีรุ่นใหม่ๆ ออกมาบ้าง แต่ยังถ่ายรูปได้ไม่หมด แถมบางลายก็หมดไปแล้วด้วย (โฆษณาชวนเชื่อ!) ไว้มีโอกาสคงได้นำมาทยอยลงให้ดูกัน แบบ classic นี้คงทำไปเรื่อยๆ แต่ก็ทำได้ทีละไม่มากนัก เพราะไม่ได้กะเอาเป็นเอาตาย ส่วนแบบ stripe นั้นทำแบบละสิบกว่าใบเท่านั้น หมดแล้วก็หมดเลย คงไม่ทำซ้ำลาย
ยังไม่ได้ฝากขายที่ไหนจริงจัง ที่เชียงใหม่สามารถซื้อได้ที่ 'งานหู' ส่วนที่กรุงเทพฯ และจังหวัดอื่น ยังไม่รู้จะขายยังไงเหมือนกัน ขอคิดก่อนนะ
จบเรื่องกระเป๋า RabbitBag ครั้งแรกไว้แต่เพียงเท่านี้...
RabbitBag จึงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับการรณรงค์เพื่อลดภาวะโลกร้อน ไม่ใช่ไม่สนใจ แต่ว่าลำพังการใช้กระเป๋าผ้าตามแฟชั่นอย่างเดียวไม่น่าจะพอ คงต้องปรับพฤติกรรมอื่นๆ ในชีวิตประจำวันควบคู่ไปด้วย
คุยกันเล่นๆ ว่า เหมาะจะเป็น 'โครงการยังชีพ' มากกว่า ^^
ที่จริงกระเป๋านี่ก็ทำมาได้สักพักแล้ว มีรุ่นใหม่ๆ ออกมาบ้าง แต่ยังถ่ายรูปได้ไม่หมด แถมบางลายก็หมดไปแล้วด้วย (โฆษณาชวนเชื่อ!) ไว้มีโอกาสคงได้นำมาทยอยลงให้ดูกัน แบบ classic นี้คงทำไปเรื่อยๆ แต่ก็ทำได้ทีละไม่มากนัก เพราะไม่ได้กะเอาเป็นเอาตาย ส่วนแบบ stripe นั้นทำแบบละสิบกว่าใบเท่านั้น หมดแล้วก็หมดเลย คงไม่ทำซ้ำลาย
ยังไม่ได้ฝากขายที่ไหนจริงจัง ที่เชียงใหม่สามารถซื้อได้ที่ 'งานหู' ส่วนที่กรุงเทพฯ และจังหวัดอื่น ยังไม่รู้จะขายยังไงเหมือนกัน ขอคิดก่อนนะ
จบเรื่องกระเป๋า RabbitBag ครั้งแรกไว้แต่เพียงเท่านี้...
15 comments:
รับทราบค้าบบบบ
ปล.จะรอไปซื้อที่งานหนังสือ(แต่จะมีไปขายป่าวเนี่ย^^)
Hello!
when will you give me your account no. huh? '-_-
RabbitBag ที่มีที่เราอยู่ส่วนนึงน่ะ
ให้ชาวบางกอกมาเอาที่เราเลยก็ได้นะพี่โจ้
^^
ได้เลยอูม...งั้นเอางี้
ใครสนใจกระเป๋ากระต่ายที่กทม. ให้โทรหาอูม 086 978 9430
ขอบคุณมากเน่อ ^^
เอามาฝากขายที่บู้ทระหว่างบรรทัดด้วยนะ
11-23 ตุลางานหนังสือที่ศูนย์สิริกิต์ ^^
ขอบคุณครับพี่แป๊ด แต่สงสัยคงต้องฝากไว้ก่อน เพราะว่าวันที่ 11 มีงานหูที่ปายครับ ; )
เจอกันที่ปายนะครับพี่
เสียใจอย่างสูงเรื่องคุณย่าด้วยครับ
No Signal วง e'taba เลยไม่มีมือเบสเลย
ถามได้มั้ย ว่าทำไมต้องเป็น "กระต่าย" ทั้ง rabbithood หรือ rabbit bags ขอความรู้/ความกระจ่างเป็นวิทยาทานหน่อย เพราะเท่าที่เดาจากอายุและรูปของเจ้าของ blog ก็ไม่น่าจะละอ่อนขนาดเกิดปีเถาะนะ เห็นมีคนเรียกทั้ง "พี่" และ "ลุง" น่าจะอาวุโสกว่าปีเถาะ (เดาขำๆ นะ อย่าเคืองกัน)
เรื่อง กระต่าย นี่มันบังเอิญน่ะ
เริ่มจากชอบคำ ชอบเสียง แล้วก็ค่อยๆ ชอบลักษณะของมัน
ส่วนใหญ่คนจะคิดกับมันแง่เดียว แต่ในแง่ที่มัน ตายง่าย ไม่ค่อยมีใครพูดถึง
ชอบที่มันตายง่ายดี ; )
เคยดูซีรีย์ญี่ปุ่นที่พระเอกเป็นเจ้าพ่อต๊องส์ๆ
เค้าไปเฝ้าดูพฤติกรรมกระต่ายเลยเห็นข้อดีว่า
กระต่ายเป็นสัตว์กินพืช ที่ต้องระวังตัวจากสัตว์กินเนื้อดุร้าย
อยู่ตลอดเวลา นั่นจึงทำให้กระต่ายใสซื่อมีความสามารถในการกวาดคอ 360 องศา (และมีดวงตา เฉียงขึ้นด้านข้าง) เพื่อระวังภัย
ต่างกับนักล่า ที่มีดวงตาตรงๆ ด้านหน้า เพื่อมองตรงไปข้างหน้า และล่าอย่างเดียว
เป็นการปรับสมดุลย์ของผู้ล่า และผู้ถูกล่า ประมาณนั้น
--
เข้าใจมาตลอดว่า เพราะหน้าพี่เหมือนกระต่ายพันธุ์ทาง
ต้องขึ้นไปซื้อเองหรือเปล่าครับพี่โจ้
ที่เชียงใหม่ขายที่ไหนคะ
มีขายที่งานหูทุกครั้งครับ ^^
แล้วทำไมโลโก้ Rabbithood ถึงเป็นรูปแอปเปิลล่ะคะ
อยากได้มากๆอ่ะค่ะ
เมื่อวานไปงานสถาปนิกมา
กะว่าจะซื้อเสื้อ 2 ตัวกะเพื่อน
แต่ว่าไม่มีคนอยู่ รอตั้งนาน ก็ยังไม่มา
อดเลย
แต่เรายังไม่หมดความพยายามค่ะ
ฝากให้เพื่อนไปซื้อ เหลือ ตัวเดียว แป่ว
เศร้าใจ อยากทราบรายละเอียดงานหูจังค่ะ
ไม่มีช่องทางซื้อทางอื่นแล้วเหรอคะ
แล้วกระเป๋านี้ หมดไปหรือยังคะ
ไงก็ช่วยเมวมาได้ไหมคะ
vac_pim@hotmail.com นะคะ
ขอบคุณมากๆค่ะ
Post a Comment