Monday, August 17, 2009

ถามตอบยอดฮิต เกี่ยวกับหวัด 2009: FFW MAIL

FFW MAIL ของคุณ CHAMP ครับ ^^
อ่านแล้วตรวจสอบด้วยนะ
......................................................





Subject: ถามตอบยอดฮิต เกี่ยวกับหวัด 2009
Date: Sat, 11 Jul 2009 18:43:12 +0700

Mexico นำหน้าเราอยู่ประมาณ 1-2 เดือน ตอนนี้น่าจะกำลังปีนเขาลูกที่ 2 อยู่ ตอนนี้การระบาดในบ้านเราน่าจะอยู่แถวๆ ดอยของเขาลูกที่ 1 แล้ว ที่เราว่าเป็นกันเยอะ ปิดโรงเรียนกันมากมาย ป่วยกันทั้งหมู่บ้าน มันจะกลายเป็นเด็กๆ ไปเลยเมื่อของจริงมา อีกไม่นานเกินรอ

ถามตอบยอดฮิต เกี่ยวกับหวัด 2009

1. โรคนี้ไม่รุนแรง ไม่น่ากลัว อย่าสะดิ้งไปนะตะเอง????
Answer : มะเหงกแน่ะ ความจริงคือ

1. ไข้หวัด 2009 ดูเหมือนไม่รุนแรง อัตราตายต่ำ แต่แพร่ระบาดง่ายและรวดเร็ว (การแพร่กระจายสูง)
2. ความน่ากลัวของหวัด 2009 คือการกลายพันธุ์ต่างหาก และการกลายพันธุ์จะเกิดง่ายที่สุด เมื่อคน 1 คน หรือสัตว์ 1 ตัว ทะลึ่งติดหวัด 2 ชนิดพร้อมกัน (เช่นหวัด 2009 + หวัดธรรมดาพร้อมกัน หรือหวัด 2009 + หวัดนกพร้อมกัน)

ขณะนี้ "หวัดนกซึ่งรุนแรงและมีอัตราตายสูงมากกก ยังไม่ได้หายไป" และแนวโน้มของหวัดนกจะ "ระบาดซ้ำอีก ทุกๆปลายปี" แม้ว่าหวัด 2009 มันไม่รุนแรง แต่ถ้าปล่อยให้แพร่แบบนี้ "อีกไม่นานมันอาจผสมกัน" .........เอาความสามารถในการแพร่กระจายของหวัด 2009 บวกกับความรุนแรงของหวัดนก เมื่อนั้นก็หายนะ!!!!!

และนั่นคือสาเหตุที่อยากให้คนไทยทุกคนดูแลสุขภาพให้ดี อย่าให้เป็นหวัด อย่าให้โรคนี้แพร่กระจายไปกว่านี้

ถ้าเป็นหวัดแล้ว แยกตัวจากคนอื่นทันที อย่าแรดเดินตลาด อย่าแรดไปห้างหรือที่ชุมชน และใส่หน้ากากทันทีอย่าให้แพร่เชื้อสู่คนและสัตว์รอบข้าง ถึงแม้จะอยู่บ้านที่มีสมาชิกแค่ 2 คนก็ตาม

2. ถ้าเป็นขึ้นมา ไปหาหมอเดี๋ยวก็หาย???
Answer : แม่เจ้า พศ.นี้ยังเข้าใจกันแบบนี้อีกเหรอนี่??

คุณรู้มั้ยว่า เวลาคุณไปหาหมอเพราะเป็นหวัด หมอจะจ่ายยาลดไข้ ยาลดน้ำมูก ยาแก้ไอ ให้คุณ แต่ไม่มียาฆ่าเชื้อหวัด!!! นอกจากคุณติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำเติม เช่น ทอนซิลอักเสบ คออักเสบ หมอจึงจะจ่ายยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ติดซ้ำเติมให้ แต่ก็ยังไม่มียาฆ่าเชื้อไวรัสหวัดให้อยู่ดี!!

เพราะอะไรน่ะเหรอ เพราะยาฆ่าไวรัส มันแพงมาก และไม่คุ้มที่จะแจกจ่ายพร่ำเพรื่อ เพราะจะทำให้ไวรัสยิ่งกลายพันธุ์ดื้อยาขึ้นไปอีก 99.99% ของคลินิกและโรงพยาบาลขนาดเล็ก จึงไม่มียารักษาการติดเชื้อไวรัสหวัดไว้ในสต็อกยาเลยครับ

สิ่งที่ดีที่สุดในการรักษาไข้หวัด คือการกินยาลดไข้ ยาลดน้ำมูก ยาแก้ไอ ตามอาการ แล้วนอนพักผ่อนมากๆ พยายามอย่าไปแพร่เชื้อใส่ใคร เดี๋ยวก็หายเพราะร่างกายรักษาตัวเองครับ

แต่กรณีไข้หวัดใหญ่ มีลุ้นหน่อย เพราะเชื้อรุนแรงกว่าไข้หวัดธรรมดา บางคนหาย บางคนไม่รอด ณ จุดนี้ยังนับว่าโชคดี ที่อัตราตายจากไข้หวัดใหญ่ 2009 ยังนับว่าต่ำอยู่.... แต่อย่างที่บอกข้อแรก มันจะเป็นอย่างนี้ตลอดไปไหม?

(ข้อแปลก เกี่ยวกับหวัด 2009 ที่ไม่เหมือนหวัดใหญ่สเปน คือ หวัดสเปน คนตายมักเป็นคนร่างกายอ่อนแอชัดเจนเช่นคนแก่ และเด็กแต่ หวัด2009 อัตราตายค่อนข้างมั่วซั่ว คนหนุ่มสาวก็มีตาย มีบางทฤษฎีบอกว่าอาจเป็นเพราะไม่ได้ตายจากเชื้อ แต่ตายจากระบบภูมิคุ้มกันตัวเองที่พยายามฆ่าเชื้อโรค แต่ร่างกายแยกแยะไม่ออกว่าอันไหนเซลล์ติดเชื้อ อันไหนเซลล์ตัวเองที่ยังดีอยู่ เลยทำลายล้างบางหมด ร่างกายคนหนุ่มสาวภูมิต้านทานดี ระบบทำลายนี้เลยทำลายตัวเองได้ดีตามไปด้วย........อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ความเห็นนี้ยังเป็นแค่ทฤษฎี....)

ส่วน Tamiflu น่ะ อย่าไปหวังอะไรกับมันมากเลยครับ เพราะ
- ตอนนี้ยาขาดตลาดสุดๆ รพ.หลายแห่งหายานี้มา Stock ไว้ไม่ได้
- ยานี้จะออกฤทธิ์ได้ดี เมื่อคนไข้ถูกตรวจพบเจอก่อนเกิดอาการ แล้วคนไข้คนไหนจะกระแดะเดินไปหาหมอตอนไม่มีอาการล่ะครับ (ถึงกระแดะไปหา หมอก็ไม่กระแดตรวจ Swab ให้หรอก หรือถึงหมอกระแดะตรวจให้คุณจะกระแดะจ่ายค่าตรวจราคา 4000+ บาท(ไม่รู้อัพราคารึยัง?) โดยมีอาการแค่นิดๆ มั้ยล่ะครับ?)
- ตอนนี้เริ่มมีรายงาน เชื้อดื้อยา Tamiflu แล้วครับ (บอกแล้วว่าไวรัสมันกลายพันธุ์ เร็วค่อดๆ )

3. ฉีดวัคซีนป้องกันได้???
Answer : วัคซีนที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้คือวัคซีน ป้องกัน ไข้หวัดใหญ่สเปนครับ เป็น H1N1 เหมือนกัน แต่เป็นเชื้อคนละตัว (เหมือนตระกูลงวงคำเหมา เหมือนกัน แต่ หม่ำกับ ตุ๊กกี้เป็นคนละคนกัน มีสิ่งที่ชอบที่กลัวไม่เหมือนกัน) พูดง่ายๆ คือ ในทางทฤษฎี วัคซีนนี้ไม่น่าจะป้องกันหวัด 2009 ได้เลย แต่ให้ฉีดไว้ก่อนเพราะ
- ตอนแรกนักวิทย์คำนวณไว้อยู่แล้วว่า ปีนี้ ไข้หวัดสเปนต้องระบาด (ใครจะนึกว่ามันทะลึ่งกลายพันธุ์เป็น 2009 ) อย่างน้อยการฉีดนี้เป็นการตัดไข้หวัดสเปนออกไปก่อน พูดง่ายๆ คือ ถ้าใครเดินมา รพ. เราจะได้สงสัยไปเลยว่าเป็นหวัด 2009 ไม่ใช่หวัดสเปน จะได้ง่ายต่อการควบคุมรักษา
- ถ้าเกิดไข้หวัดสเปน เกิดบ้าจี้ ระบาดขึ้นมาพร้อมกันตอนนี้ อัตราตายมันสูงกว่า หวัด 2009 มากนะครับ
- แม้ทางทฤษฎี วัคซีนนี้จะกัน 2009 ไม่ได้เลย แต่ไหนๆ มันก็เชื้อตระกูลเดียวกันและเป็นเชื้อใหม่ด้วย ใครจะไปรู้ว่ามันอาจป้องกันหวัด 2009 ได้ซัก 1% ก็ได้ มีตังค์ก็ฉีดๆ ไปเหอะ Better Than Nothing แต่ต้องรู้นะ ว่า การฉีดวัคซีนนี้ ไม่ได้แปลว่าคุณไม่ต้องกลัวแล้ว ไม่ได้แปลว่าคุณมีภูมิคุ้มกันต่อหวัด 2009 แล้ว มันแค่ลดความเสี่ยงไปซักถึง 1% รึเปล่ายังไม่รู้เลย??

4. แล้วอะไร คือสิ่งที่ควรทำตอนนี้???
Answer :

4.1 ระดับส่วนตัวและครอบครัว

ในภาวะปกติ
ตอนนี้ต้องยอมรับว่าทุกแหล่งชุมชนคือจุดเสี่ยงในการแพร่ระบาด โดยเฉพาะบริเวณที่เป็นห้องแอร์ระบบปิด เช่นในห้างสรรพสินค้า โรงหนัง บนรถไฟฟ้า รถไฟใต้ดิน ถ้าจะเดินเข้าแหล่งชุมชนเหล่านี้ ควรใส่หน้ากากป้องกันตัวเองได้แล้วครับ!!!!!

ถ้าคุณมีอาการของโรคหวัด แค่ ไอ จาม เล็กๆ น้อยๆ
ควรแยกตัวจากครอบครัวและสังคมเท่าที่ทำได้ เช่นแยกห้องนอนจากคนอื่น ถ้าต้องอยู่ร่วมกันก็ใส่หน้ากากตลอดเวลา (หาซื้อไม่ได้ ก็เอาผ้าเช็ดหน้ามาผูกไว้ก็ยังดีกว่าหายใจรดกันตรงๆ ) ปิดปากปิดจมูกเสมอ อย่าหายใจรดใคร อย่าไอจามใส่ที่สาธารณะ เลิกถ่มน้ำลายลงพื้นได้แล้ว ล้างมือให้บ่อยที่สุด การเอามือไปป้ายโน่นป้ายนี่ เป็นช่องทางการแพร่เชื้อที่ดีเยี่ยม ตอนเช้าตื่นนอน กรุณาเปิดหน้าต่างกว้างๆ เปิดพัดลมไล่อากาศออกซักนิด ก่อนจะให้ใครคนอื่นเดินเข้ามาในห้องเรา เสื้อผ้า ผ้าปูเตียง ปลอกหมอน หมั่นซักบ่อยๆ (ไม่รู้มีคราบเสมหะตอนเราไอจามติดอยู่รึเปล่า) ล้างมือให้บ่อยที่สุด แต่ไม่ต้องถึงกับแยกห้องน้ำหรอกนะ แค่เอาแปรงสีฟันเราออกมาเก็บเอง อย่าใส่ถ้วยเดียวกะคนอื่นก็พอ

อาการอย่างไรจึงควรไปตรวจที่รพ.?
1. มีไข้ 38 ํC ขึ้นไปร่วมกับ
2. อาการอย่างใดอย่างหนึ่งได้แก่ ปวดกล้ามเนื้อ, ไอ, หายใจผิด ปกติ (หอบ, ลำบาก), หรือแพทย์วินิจฉัยว่าเป็นปอดบวม ร่วมกับ มีผู้สัมผัสร่วมบ้านหรือในที่ทำงานป่วยสงสัยไข้หวัดใหญ่หรือปอดอักเสบ ภายใน 1 สัปดาห์ก่อนวันเริ่มป่วย ถ้าอาการแค่เป็นหวัดเจ็บคอธรรมดา ไข้ไม่สูง ไม่นอนซม ไม่ต้องสะดิ้งวิ่งไปรับเชื้อที่รพ.นะครับ อย่าลืมว่าตอนนี้ รพ.นั่นแหละ เป็นแหล่งแพร่เชื้อที่ดีที่สุด.................

4.2 ระดับนโยบายของรัฐ และ สื่อมวลชน

มาดูกันนิดนึง ว่าทำไมประเทศเราถึงควบคุมการระบาดไม่ได้เลย ขณะที่ประเทศต้นตำรับการระบาดอย่าง Mexico ซึ่งไม่ได้เจริญกว่าบ้านเราเลย เขาถึงควบคุมการระบาดระลอกแรกได้....

จำข่าวได้มั้ยครับ ว่าตอนแรกที่ Mexico เขาระบาดเขาทำอะไรบ้าง?? ปิดเลยครับ!!! เขากล้าพอที่จะปิด โรงเรียนทุกแห่ง โรงหนังทุกแห่ง ห้างสรรพสินค้าทุกแห่งทั่วประเทศพร้อมกัน 1 สัปดาห์ พร้อมทั้ง พ่นยาฆ่าเชื้อ ตามโรงหนัง ห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ ด้วย นั่นคือสาเหตุที่เขาควบคุมการระบาดระลอกแรกได้ทันทีในสัปดาห์ต่อมา....

แล้วพี่ไทยล่ะทำอะไรบ้าง?? นอกจากออกข่าวว่า ไม่มีอะไร้ ไม่น่ากลัว แต่คนติดเชื้อเพิ่มเป็นหลักร้อย หลักพันทุกวัน??? มัวแต่กลัวว่าเศรษฐกิจจะทรุด การท่องเที่ยวจะกระทบ...คิดกันบ้างมั้ยว่า ถ้าคนไทย ตัยหอง กันหมด จะมีเศรษฐกิจดีๆ ไว้ทำอารายจ๊ะ?? เศรษฐกิจ คือ สิ่งที่เราสร้างได้แน่นอน ถ้าคนไทยยังมีลมหายใจอยู่คับ (ว้อยยยยยย )

และคุณสื่อมวลชนครับ ... ผมว่า ถึงเวลาแล้วที่พวกคุณจะต้องพูดความจริง.....
ถ้าจำไม่ได้ว่าผมพล่ามอะไร ให้ พูดดังนี้นะครับ

1. โรคนี้อันตรายครับ .... และยังกลายพันธุ์ให้อันตรายกว่านี้ได้อีกในปลายปีนี้ครับ
2. โรคนี้ หวังพึ่งยารักษาไม่ได้ครับ และตอนนี้เริ่มดื้อยาแล้วด้วยครับ
3. โรคนี้ต้องป้องกันอย่างเดียวครับ
4. จะควบคุมการระบาดได้ ต้องพร้อมใจกัน ใส่หน้ากาก ล้างมือบ่อยๆ พร้อมกันทั้งสังคมครับ
5. จะควบคุมการระบาดได้ ปิดโรงเรียน โรงหนัง ศูนย์การค้าใหญ่ๆ ได้แล้วครับ ขอแค่ 3 วันก็ยังดีครับ!!!!!

ของแถม (ส่วนนี้ถ้าอ่านไม่รู้เรื่อง ก็ช่างเถอะนะ)
ขออธิบายเรื่องการกลายพันธุ์ ของไวรัสล้วนๆ จะได้รู้ว่าทำไมผมถึงคิดว่าเราควรตื่นตัว

อธิบายความรู้พื้นฐานเพื่อให้เข้าใจก่อน
HOST = เหยื่อ ที่ไวรัสเข้าไปฝังตัว ( มนุษย์ หรือ หมู / นก สัตว์ต่างๆที่มันเข้าไปสิง)
HOST cell = เซลล์ ของเหยื่อ ที่ไวรัสเข้าไปฝังตัว ( เซลล์ มนุษย์ หรือ สัตว์)

+++ปฏิบัติการเมื่อไวรัสเข้าไปใน HOST Cell+++

ไวรัส เป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่ครบองค์ประกอบของการเป็นเซลล์ มันจึงไม่สามารถแพร่พันธุ์ด้วยตัวเองได้ แต่จะแพร่พันธุ์โดยการฝังตัวเข้าไปใน HOST cell

(ดูรูปประกอบ)
พื้นที่ สีชมพูทั้งหมด คือ HOST cell รูปหกเหลี่ยมสีเหลือง คือไวรัส หมายเลข 1-2 คือ ไวรัส สัมผัสผิวเซลล์ แล้วจะละลายตัวเองเข้ากับผนังเซลล์ บุกเข้ามาภายใน Host Cell หมายเลข 3 เมื่อเข้ามาแล้ว ไวรัสจะสลายเปลือกตัวเอง เหลือแต่ RNA คือเกลียวสีแดงในรูปหมาย เลข 4a RNA คือสารพันธุกรรมของไวรัสที่จะหลอกล่อ RNA ของHost (เกลียวสีน้ำเงิน) ให้มาประกบตัวเพื่อสร้างไวรัสตัวใหม่ออกมามากมาย (ปกติ RNA ของมนุษย์ มีไว้สร้างโปรตีน และสารจำเป็นอื่นๆ ต่อร่างกาย และแน่นอนมันเป็นสารที่มีรหัสพันธุกรรมมนุษย์อยู่ด้วย) ในรูป 4b คือ RNA ไวรัสหลอก RNA มนุษย์ ให้สร้างเปลือกใหม่ ให้มันแทนอันที่มันสลายทิ้งไปตอนแรก 4c คือ RNA ไวรัสหลอก RNA มนุษย์ ให้สร้าง RNA ไวรัสใหม่ (ที่ปะปนกับ RNA มนุษย์ เรียบร้อยแล้ว จะกลายพันธ์ได้ช่วงที่หนึ่งก็ตอนนี้แหละ) หมายเลข 5-6 ประกอบร่างกันใหม่อีกครั้ง ได้เป็นไวรัสลูก (ที่ขโมย RNA ของ Host มาผสมเรียบร้อย) จำนวนนับหมื่นนับแสน เข้าละลายผนังเซลล์ของ Host แล้ว บุกออกจากตัว Host ออกสู่โลกภายนอกอีกครั้ง.......ระบาดดด นั่นเอง.....

ไวรัสกลายพันธ์อย่างไร
1. Mutation = การผ่าเหล่าของพันธุกรรม : วิธีนี้ช้า ในมนุษย์ ใช้เวลาหลายร้อยชั่วคน แต่ในไวรัส ไม่กี่รุ่นก็ทำได้ (จำคำอธิบายข้างต้นว่า เพียงพ่อเดียว ( host ที่ไวรัสไปฝังตัว--> ไวรัสก็ออกลูกได้เป็นหมื่น จึงไม่ต้องรอหลายรุ่นอย่างมนุษย์) และแน่นอน ไม่ต้องรอนับพันปีอย่างมนุษย์ ไวรัสใช้เวลาเป็นวัน หรือ ชั่วโมงเท่านั้น
2. Genetic Recombination เป็นวิธีที่เร็วอย่างน่ากลัวเข้าไปอีก อธิบายดังนี้.....
โปรดดูรูปประกอบอีกครั้ง เกลียวสีแดงๆนั้นแทน RNA ซึ่งล่องลอยไปมาในเซล คราวนี้ลองนึกภาพว่า ถ้ามีไวรัสไข้หวัดใหญ่ 2 ชนิดขึ้นไปบุกเข้าไปในเซล์ Host พร้อมกัน ไวรัสนั้นจะสลายเกราะ ปล่อย RNA ของมันออกมาล่องลอยในเซลล์ ก่อนจะประกอบร่างตัวเองขึ้นมาใหม่เป็นไวรัสลูกหลานออกนอกเซลล์ ไอ้ตอนนี้แหละท่านผู้ชม... มันก็ลากเอา RNA อะไรก็ได้มาประกอบร่าง (ทั้งของไวรัสอีกตัวนึง กับของ Host) ผสมกันออกจากเซลล์ กลายเป็น ไวรัสพันธุ์ใหม่เสร็จสรรพ.....

นี่คือที่มาว่า ไวรัสไข้หวัดใหญ่ H1N1 ธรรมด๊าธรรมดา กลายมาเป็นไข้หวัดหมู เม็กซิโก 2009 ได้ยังไง
สรุปง่ายๆ คือ Host (คนหรือสัตว์) เกิดแจ็คพ็อตติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2 ชนิดขึ้นไปในคราวเดียวกัน ไวรัสก็จะไปผสมพันธุ์กันในร่างเหยื่อคนนั้น ก่อให้เกิดไวรัสพันธ์ใหม่ พร้อมกันทีเดียวหลายพันหลายหมื่นเผ่าพันธ์ แต่แน่นอน การผสมมั่วซั่วเหล่านี้ ไวรัสพันธ์ใหม่ที่ได้ส่วนใหญ่ จะอยู่ไม่รอดในธรรมชาติ แต่มันหลุดมาเป็นหมื่นชนิดมีหรือจะไม่มีชนิดนึงเล็ดรอด ใช่แล้ว และตัวที่รอดออกมาก็คือ “ไข้หวัดใหญ่ เม็กซิโก 2009 SWINE FLU ”

ดูแล้วพอจินตนาการได้มั้ยครับ ว่า ถ้ามันจะกลายพันธุ์ต่อก็ใช้วิธีเดียวกันได้ไม่ยากเลย!!!!!!

The bad news: the flu vaccine will not protect you.
ข่าวร้าย: วัคซีนไข้หวัดแบบปัจจุบันยังป้องกันอะไรไม่ได้

The good news: antiviral drugs (Tamiflu and Relenza) will work.
ข่าวดี: เค้าว่า ยา Tamiflu ช่วยได้

The bad news: antiviral drugs are not very effective after symptoms start, which is why they are not commonly used in medical practice.
ข่าวร้าย: ยาพวกนั้น จะใช้ไม่ค่อยได้ผล เมื่อเริ่มมีอาการแล้วววว นั่นคือสาเหตุที่หมอเองยังไม่ค่อยมีโอกาสสั่งยาพวกนี้เลย (ใครมันจะไปหาหมอกินยาก่อนมีอาการฟะ????)

Cheers,
CHAMP

4 comments:

Anonymous said...

ในที่สุดก็ลงให้แล้ว
ขอบคุณนะจ๊ะคุณพี่

วชิรา said...

ขออภัยที่ช้า
เน็ตที่บ้านมีปัญหามาก
ต้องออกมาใช้ข้างนอก
วุ่นวายพอดู

สำหรับท่านที่ไม่ทราบ
นี่คือเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับ โพรง ตอนล่าสุด
เดี๋ยวจะเอามาแปะไว้ให้นะ

^^

Anonymous said...

ขอบคุณสำหรับขอมูลดีๆ ค่ะ

KEY+

Anonymous said...

อูยยยยยยยยยยย..

'ข้อมูล'

KEY+