Thursday, May 24, 2007

ทะลุหูขวา: arling & cameron


ชีวิตช่วงนี้ขาลงมากๆ
คอมเสีย (โดนไวรัสตั้งแต่คราวก่อน) ต้องส่งไปลงโปรแกรมใหม่
(ซึ่งหมายความว่าเพลงและข้อมูลบางส่วนได้อันตรธานไปเรียบร้อย)
รถเสีย ต้องส่งเข้าอู่
ตัวเองก็เสีย คงต้องไปหาหมอในเร็ววัน
เฮ้อ......

เอาล่ะ นี้คือคอลัมน์ประจำอันใหม่ใน HIP
เป็น 'อีก' ส่วนหนึ่งของโปรเจกต์หู ที่เคยเกริ่นไว้เมื่อนานมาแล้ว
ขอเชิญทัศนาตามอัธยาศัย

ตีพิมพ์ครั้งแรกในนิตยสาร HIP ฉบับเดือนพฤษภาคม 2550
special thanks to NOKIA


ทะลุหูขวา
text and artwork by วชิรา

(ARLING&CAMERON)

= Garry Arling + Richard Cameron
hi-fi underground คืออัลบั้มแรกหลังจากที่หายไป 5 ปี
รวมวงครั้งแรกเมื่อปี 1994 ออกมาแล้ว 5 อัลบั้ม
เคยทำงานร่วมกับ Pizziczto Five และ Fantastic Plastic Machine
ทั้งคู่มาจากเนเธอร์แลนด์ (Amsterdam) แต่ไปโด่งดังในญี่ปุ่นและอเมริกา
ตอนนี้พำนักอาศัยอยู่เบอร์ลิน
เมื่อปี 2001 Richard Cameron ประสบอุบัติเหตุรถตู้จากการออกทัวร์
หลังหัก ต้องพักรักษาตัว จากนั้นแยกย้ายกันไปทำงานเดี่ยว
และกลับมารวมกันอีกในอัลบั้มนี้
ถ้าไม่เกิดอุบัติเหตุขึ้นเสียก่อน อัลบั้มนี้ควรจะออกมาในปี 2002
โดยทีแรงบันดาลใจบางส่วนจากเหตุการณ์ 9/11
เป็นความหดหู่ หวาดระแวงที่ซ่อนอยู่ลึกๆ
ภายใต้กลิ่นของดนตรีอิเล็กโทรนิก/เต้นรำ

ติดตามเพิ่มเติมได้ที่ www.arlingandcameron.com (มี MV ให้ดูด้วย-เท่มาก!)


(LYRIC)

we can't be somebody else

there's a world outside and it's waiting
waiting for us to come
and we'll keep on coming until our message is heard by everyone
there's life before death and it's there for the taking
we get it for free and we get what we're making of it
we better love it, or else, you know
we can't be somebody else
we can't be somebody else
we can't be somebody else
we better love ourself


(ESSAY)

ช่วงเวลาติดชิดหลังเทศกาลสงกรานต์แบบหายใจรดต้นคอ
โลกก็ต้องตื่นตะลึงกับโศกนาฏกรรมระทึกขวัญในมหาวิทยาลัยเวอร์จิเนีย เทค
สหรัฐอเมริกา คนธรรมดาๆ 32 คนเสียชีวิต โดยไม่รู้ตัว ไม่มีโอกาสร่ำลา

มองกันอย่างสถิติก็ถือว่าเป็นเหตุการณ์สะเทือนขวัญครั้งรุนแรงที่สุด
ในประวัติศาสตร์การสังหารหมู่ในสถานศึกษาของอเมริกา
เมื่อเปรียบเทียบกับกรณีโรงเรียนมัธยมโคลัมไบน์ที่มีผู้เสียชีวิต 15 คน ในปี 1999
และการสังหารหมู่ที่มหาวิทยาลัยเท็กซัสที่มีผู้เสียชีวิต 16 คน ในปี 1966

ตามตารางของนิตยสาร TIME ฉบับ 30 เมษายน 2007 แสดงให้เห็นว่า พฤติกรรมการสังหารหมู่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นับจากปี 1990

ถ้าเทียบกันตามลำดับเวลา
ในขณะที่ประชาชนชาวไทยกำลังสาดกระสุนน้ำใส่กันอย่างเมามัน
ในช่วงวันที่ 12-15 เมษายน ที่อีกฟากของโลก ชายหนุ่มผู้หนึ่งอาจกำลังจมอยู่ในภวังค์ ครุ่นคิด เคร่งเครียด และตระเตรียม เขาเป็นนักศึกษาชั้นซีเนียร์ เอกภาษาอังกฤษ ชาวเกาหลีใต้ ชื่อ โช เซืองฮุย อายุ 23 ปี พำนักอยู่ในอเมริกาตั้งแต่อายุ 8 ขวบ

พ้นสงกรานต์เพียงหนึ่งวัน การกระทำของโชเปลี่ยนแปลงโลกของใครหลายคนไปตลอดกาล ทั้งที่แวดล้อมใกล้ชิดและที่อยู่ห่างไกล

ไม่ว่าจะต้องการหรือไม่ ทุกการกระทำของคนเราล้วนสื่อ 'สาร' บางอย่าง
และรอเพียงมีคนได้ยิน

จดหมายถึงโช เซืองฮุย

สวัสดี
เราไม่รู้จักกัน และนายก็ไม่มีสิทธิ์ได้อ่านจดหมายฉบับนี้แล้ว
ไม่มีใครรู้ว่านายคิดอะไร แต่คนทั้งโลกกำลังเงี่ยหูฟัง
แน่นอน-คงไม่มีใครเห็นด้วยกับการกระทำของนาย
หลายฝ่ายออกมาวิเคราะห์โน่นนี่ แสดงความเห็นกันไปคนละทางสองทาง
โลกเราเป็นแบบนี้-นายคงรู้
ต้องรอให้เกิดอะไรขึ้นแล้วก่อนก็ค่อยมาตามแก้ไข

ประเด็นต่างๆ เกิดขึ้นมากมายหลังจากวันนั้น ส่วนใหญ่เป็นเรื่องเก่าๆ
เช่นเรื่องวัฒนธรรมความรุนแรง เรื่องวัฒนธรรมปืน (ซึ่งคุณ Michael Moore
เคยพูดไว้แล้วในหนังสารคดีเรื่อง Bowling For Columbine (2002) ของเขา
ที่สร้างมาจากกรณีสังหารหมู่นักเรียนในโรงเรียนโคลัมไบน์)
คนจำนวนไม่น้อยเชื่อว่าการกระทำของนายได้รับอิทธิพลมาจากหนัง
เขาลือกันว่านายได้รับอิทธิพลมาจากหนังเรื่อง OLD BOY
ของผู้กำกับ พัก ซุนวู ชาวเกาหลี (ซึ่งทำมาจากการ์ตูนญี่ปุ่นชื่อเดียวกัน
ของ โนบุอากิ มิเนกิชิ อีกที)

น่าตลกสิ้นดี เพราะเราชอบหนังเรื่องนั้นมาก!
(โดยเฉพาะฉากที่ตัวเอกเพิ่งออกมาจากที่คุมขัง และแสดงอาการตื่นเต้น
ที่ได้เจอมนุษย์ตัวเป็นๆ เป็นครั้งแรก-เขาดีใจมาก)

บางฝ่ายกังวลว่ากรณีของนายจะทำให้เกิดสงครามระหว่างเชื้อชาติ
แต่ส่วนใหญ่ล้วนพุ่งประเด็นไปเรื่องวัฒนธรรมสื่อ
หลายคนเห็นว่าสื่อประโคมข่าวนายมากเกินไป
และจะทำให้นายกลายเป็นต้นแบบให้คนอื่น

มันทำให้เรานึกถึงที่ใครก็ไม่รู้เคยพูดไว้
"ไม่มีใครจำชื่อคนที่ตาย คนส่วนใหญ่จำได้แต่ชื่อฆาตกร"
นี่คือสิ่งที่นายตั้งใจไว้หรือ, โช?

ไม่ว่าจะต้องการหรือไม่ ทุกการกระทำของคนเราล้วนสื่อ 'สาร' บางอย่างเสมอ
ตั้งแต่อาหารที่เรากิน ของที่เราใช้ งานที่เราทำ ชีวิตที่เราเป็น
สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นอยู่แล้วโดยไม่ต้องพยายาม
ขึ้นกับว่ามีใครเห็นความหมายของมันหรือไม่เท่านั้น

ถามเล่นๆ -นายมีเพื่อนไหม? นายเคยมีคนรักไหม?
ถ้าเคย นายคงเข้าใจความข้อนี้ดี เพราะถ้าเขาหรือเธอคนนั้นรักนาย
ความหมายต่างๆ จากการกระทำของนาย
จะไปปรากฏในชีวิตของเขาหรือเธอคนนั้นเอง-โดยไม่ต้องพยายาม

ถามต่อ-จำเป็นไหมที่เราต้องสื่อสารกับโลก?
ตอบให้-ไม่จำเป็นหรอก เพราะโลกนี้กว้างใหญ่ไพศาล
ใครจะมามัวนั่งฟัง 'สาร' ของนายคนเดียว
แต่ถ้านายหื่นกระหายที่จะสื่อสารกับโลกจริงๆ ก็มีวิธีมากมายให้เลือกใช้
แล้วเชื่อสิ มีคนพร้อมจะฟัง
น่าเสียดาย...ที่นายไม่มีโอกาสนั้นแล้ว

สิ่งที่มาก่อนความตายคือชีวิต
นายคงไม่เข้าใจ



13 comments:

Anonymous said...

นั่นสิ ไม่มีใครจะมานั่งฟัง สาร ของเราคนเดียว
ทุกวันนี้จึงมีแต่คนหื่นกระหายที่จะสื่อสารกับโลก
มากขึ้นๆๆ จนไม่รู้จะฟังใครดี

มีลงแสดงว่ามันคงได้เวลาพักเพื่อที่จะขึ้นใหม่ในสภาพที่สมบูรณ์แข็งแรง
ขอให้หายไวไว ทั้ง คน คอม และรถ

:)

Anonymous said...

ขอให้อาการคน รถ คอม ดีวันดีคืนนะเคอะ!!!

:P

Anonymous said...

พี่จ๊ะ
แวะมาส่งสาร..และสงสารที่โดนไวรัสกรุ้มรุม..

ส่วนจดหมายถึงพี่บิ๊กโช..ชอบนะ..ถ้าส่งไปถึงโลกที่เขาอยู่ตอนนี้จริงๆ ได้ น้องฝากบอกด้วยว่าไม่ต้องกลัวแล้ว..ไม่ต้องกลัวว่าโลกจะลืมเขาทิ้งไว้ ตอนนี้เขามีตัวตนแล้ว..พิเศษกว่าใคร..ใครๆก็จำเขาได้..แต่น่าเสียดาย..อีกไม่นาน..คนบนโลกก็จะลืม..เอาเข้าจริงๆไม่ยักจะคุ้ม..ให้คนหลายล้านรู้จักเพื่อที่จะลืมกันไปในอีกไม่กี่เดือนกี่ปี ข้างหน้า..สู้มีใครสัก(ไม่กี่)คน..รู้จักเราอย่างลึกซึ้ง..กินใจกว่าเยอะ..การทำร้ายผู้อื่นเป็นบาป..Old Boy ของพี่ปาร์ก..เป็นหนังสนุกเรื่องหนึ่งนะ..ไม่น่าโยนบาปให้หนังพี่เขานา

Anonymous said...

ความผิดพลาด ขึ้นชื่อว่ามนุษย์ย่อมมีการบันทึกลงในสมองที่ใครไม่รู้สร้างขึ้นมาให้เอาไว้ แม้บางครั้งเราๆ จะหลงลืมไปบ้าง เชื่อเถอะคุณพี่โช...เขาไม่ได้ตั้งใจทำอะไรที่บ้าบอ แม้ว่าเขาต้องการบอกอะไรบางอย่างกับโลกใบนี้ จักรวาลมันยังใหญ่และกว้างกว่านี้ ไม่รู้สิ เราเชื่ออย่างนั้น
ปล. งงไหม เราเองก็งง ดูแลสิ่งรอบตัว (มีชีวิตและไม่มีชีวิต)และจิตใจให้ดีก่อน แล้วทุกอย่างคงดีขึ้น
ปล.(2) พี่โจ้หายไวไวนะ เป็นห่วง
คอมหายไวไวนะ เป็นห่วง
รถหายไวไวนะ เป็นห่วง

Anonymous said...

'Crime butchers innocence to secure a throne, and innocence struggles with all its might against the attempts of crime.'

I wonder if he even got to see his throne....

P.s next morning is always a better day! get better, feel better, live better!

:)

G'XX

Anonymous said...

ก่อนหน้านั้นเค้าอาจจะมีชีวิตที่เหมือนกับตายทั้งเป็นก็ได้ เรายังไม่ตายเราก็พูดได้ว่ายังมีทางเดินอื่นให้เลือกอีกเยอะ แต่ในขณะที่จิตกำลังสับสน ฟุ้งซ่าน เค้าคงจะมองเห็นเพียงแค่ทางเดียว และเลือกโดยขาดสติ
ถึงการกระทำจะให้ผลร้ายแรง แต่ก็ต้องขอบคุณเขาบ้างที่ทำให้คนทั่วโลกได้ตระหนัก(มากขึ้น)

ความผิดครั้งนี้ก้มหัวพันครั้งก็คงไม่พอ
คำด่าทอทับถมสูงเกินกองดินที่กลบฝัง
เราอภัยให้เค้าไม่ได้ใช่มั้ยคะ?


ป.ล.พี่โจ้ หายไวไวนะคะ สู้ๆ!

การ์ตูน^^

Anonymous said...

น่าเศร้ามากนะ...กับสิ่งที่เกิดขึ้น...

หายดีแล้วทั้งคนและ รถ (หรือเปล่า)
ก็รักษาสุขภาพด้วยนะคะ


jao...

Anonymous said...

ไม่ว่าจะต้องการหรือไม่
ทุกการกระทำของคนเราล้วนสื่อ 'สาร' บางอย่าง

เพียงแต่ไม่มีใครได้ยิน

...

Anonymous said...

จริง
ก่อนที่จะมีความตาย มันต้องมีชีวิต

เรื่องนี้ทำให้เรานึกถึงสังคมที่นี่อีกแล้ว สังคมที่รุดหน้าทางเศรษฐกิจอย่างสุดกู่ กับวัฒนธรรมที่บิดเบี้ยวไปตามกระแสโลกาภิวัฒน์ ... มีคนจำนวนไม่น้อยที่ไม่อาจสื่อ "สาร" ความในออกมาให้คนรอบตัวได้รับรู้

นอกเรื่อง
นึกถึงสงกรานต์แล้ว ไม่เคยรู้สึกชอบการสาดน้ำในบ้านเราเลย เราแฮปปี้กับสงกรานต์บ้านยาย ที่สาดน้ำกันเล็กๆ น้อยๆ วิ่งเล่นตามประสา แต่เราเศร้าทุกที ที่เห็นคนไทย เอาทรัพยากรที่คนในอีกซีกโลกหนึ่งโหยหา มาสาดเล่นกันโครมๆ แถมยังสร้างอุบัติเหตุอีก...เฮ้อ

นอกเรื่องอีก
เพิ่งได้ดูหนัง "เมล์นรกฯ"
ไม่รู้ว่าคนที่ไทยเค้าว่าไงกันบ้าง
แต่เราว่าหนังเรื่องนี้หยิบประเด็นที่อิหลักอิเหลื่อมาเล่นในแบบไทยๆ (สถานการณ์คับขันแบบนี้ ไม่เคยเห็นหนังประเทศไหนกล้าเอามาเล่นแบบนี้เลย) ชอบใจที่ความฮาที่พอรับได้ และทุกสิ่งที่เค้านำเสนอออกมา มันคือธรรมชาติ คือสิ่งที่เป็นไปได้จริงๆ ... เป็นหนังตลกที่ทำให้เราได้คิดเรื่องหนึ่ง อย่างน้อยๆ ดูจบก็พอยิ้มได้

Anonymous said...

"ไม่มีใครจำชื่อคนที่ตาย คนส่วนใหญ่จำได้แต่ชื่อฆาตกร"

จริงด้วย!

Anonymous said...

ตอนป่านได้ยินข่าว ป่านเป็นห่วงกี๊แทบแย่เลยพี่โจ้ เพราะกี๊ก็อยู่เวอจิเนียตอนนั้น ทำๆ งานอยู่ข่าวออกตลอดวัน ตื่นเต้นเลยเชียว แต่ตอนนี้ก็หายห่วงละ น่าเศร้า สงสารคนที่ตายไปจัง ถ้าเป็นเราคงเครียดแย่ รักษาสุขภาพนะคะพี่โจ้ ได้ข่าวว่าช่วงนี้ไม่ค่อยสบายด้วย เจอกันขันอาษาค่ะพี่

Unknown said...

เพลง Change ของ Arling & Cameron สวยงามากๆ

เราฟัง
เราซับ
เรา..

เรารัก



(*^^*)'
เราชอบรูกระต่ายเนีย สนุกดี!

Unknown said...

คุณค่าของ"โช"บนโลกใบนี้ คือ กระสุนทุกนัดที่เขายิง ความขาดสติในรอยหยักสมอง การดูหมิ่นคุณค่าชีวิตของคนอื่น...

เขาคิด
เขาทำ

It's not hanging on,
or letting go,
he just did it,
and it happened..

โชเป็นเหมือนไดโนเสาร์กินเนื้อ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เขาจะทำลายเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน

เพราะหมวดใหญ่ของเขา คือ สิ่งมีชีวิต
ในประเภท มนุษย์
ชนิด ฆาตกร..

ทั้งหมดกำหนดไว้แล้ว
ยกเว้นชนิดของสิ่งมีชีวิต

ถึงเวลาบอกกันแล้วว่า
"คุณค่าน่ะเหลวไหล"
กว่าจะรู้ก็สาย..แต่ทำให้เกิดขึ้นน่ะง่าย

ง่ายกว่า




จริงๆ