{essay}
เมืองใหม่ (ในฝัน)
เซี่ยงไฮ้ในความทรงจำของผมรางเลือนเต็มที เท่าที่พยายามทบทวน มองเห็นแต่ตึกรามสวยงามแถวๆ ‘ฝั่งตลิ่ง’ จำได้แม่นว่ามี ‘เพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน’ อย่างธนาคารกรุงเทพยืนตระหง่านอยู่แถวนั้น นึกไปอีกหน่อยก็ได้ภาพของ ‘หอคอยเซี่ยงไฮ้’ (Shanghai Tower) โผล่ขึ้นมา เคลิ้มอีกนิดก็นึกถึงสวนสาธารณะที่ในอดีตเคยมีป้าย ‘ห้ามคนจีนและหมา’ ประทับอยู่ที่หน้าทางเข้า
เมืองใหม่ (ในฝัน)
เซี่ยงไฮ้ในความทรงจำของผมรางเลือนเต็มที เท่าที่พยายามทบทวน มองเห็นแต่ตึกรามสวยงามแถวๆ ‘ฝั่งตลิ่ง’ จำได้แม่นว่ามี ‘เพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน’ อย่างธนาคารกรุงเทพยืนตระหง่านอยู่แถวนั้น นึกไปอีกหน่อยก็ได้ภาพของ ‘หอคอยเซี่ยงไฮ้’ (Shanghai Tower) โผล่ขึ้นมา เคลิ้มอีกนิดก็นึกถึงสวนสาธารณะที่ในอดีตเคยมีป้าย ‘ห้ามคนจีนและหมา’ ประทับอยู่ที่หน้าทางเข้า
ที่เหลือตกค้าง เป็นภาพปะปนของคนหนุ่มสาวแต่งตัวทันสมัย เดินเหินสง่าผ่าเผยไปตามท้องถนน
เอ...ภาพนั้นมันเห็นที่ลอนดอนหรือเซี่ยงไฮ้กันแน่หว่า
.........
เรื่อยมาแต่โบราณ มนุษย์เราออกเดินทางกันมาช้านาน ด้วยเหตุแตกต่างกัน บ้างออกเดินทางเพื่อล่า (ยุคนี้อาจไม่ค่อยมีให้เห็นชัดแจ้งแบบนั้นแล้ว หรือถ้าจะมี ก็มักจะมาพร้อมเหตุผลข้างๆ คูๆ ที่โลกต้องฟังเช่น ต้องการให้เกิดความสงบสุขในประเทศของท่าน เราจึงบุกยึดอำนาจจากท่าน เป็นต้น) บ้างเพื่อศึกษา ยุคหลังมานี้ เมื่อคุณภาพชีวิตของชนชั้นกลางผู้กุมอำนาจทางเศรษฐกิจเดินมาถึงทางตัน จึงสร้างทางระบายออกเพื่อแก้ไขความเบื่อหน่าย อยากหนีออกไปจากสภาพสังคมเดิมๆ ที่ตัวเองเวียนว่ายอยู่ แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่เข้มแข็งพอที่จะหันหลังให้กับสภาพชวนอึดอัดนั้นอย่างถาวร ความอิหลักอิเหลื่อเช่นนี้ทำให้เกิดการปลีกตัวออกไปแสวงหาความแปลกใหม่ที่แสนจะโรแมนติก
หลายคนเลยเถิด จินตนาการถึงเมืองในฝัน ที่ซึ่งสวยสดงดงามเพียบพร้อมในความนึกคิด
เมื่อจุดเริ่มต้นของการเดินทางแตกต่างออกไป ผลลัพธ์ที่ย่อมหลากหลาย แม้จะเกิดขึ้นในสถานที่เดียวกัน-หรือเมืองเดียวกัน
ถ้ามีใครสักคนจะชอกช้ำในปรากฏการณ์นี้ ก็คงต้องเป็น ‘เมือง’ อย่างไม่ต้องสงสัย
หลายปีมานี้ก็ได้ข่าวแว่วๆ ว่า จำนวนนักเรียนที่ไปศึกษาต่อที่เมืองจีนนั้น เพิ่มอัตราขึ้นอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน สันนิษฐานเบื้องต้นได้ว่าเกิดจากการที่ประเทศจีนมีท่าที่ที่จะยึดครองอำนาจทางเศรษฐกิจของโลกในอนาคต ขณะที่ปัญหาเรื่องโรคเอดส์ อันเกิดจากการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วของเมือง ก็ยังไม่มีทีท่าจะลดน้อยถอยลง
ผู้อาวุโสท่านหนึ่งเปรยเรื่องนี้ให้ฟังด้วยความเป็นห่วง ท่ามกลางอากาศหนาวเย็นของตำบลโป่งแยง
เป็นผลพวงจากการสังวาสกับวัฒนธรรมตะวันตกอย่างที่ว่ากันใช่หรือไม่
ระยะเวลาหนึ่งปีแปดเดือนที่เชียงใหม่ ผมมีโอกาสได้เห็นการมาและไปของคนหลากหลายรูปแบบ-แน่นอนว่านั่นรวมถึงการไปๆ มาๆ ของตัวเองด้วย
คนจำนวนไม่น้อยมองเห็นเชียงใหม่ในภาพของตลาดเศรษฐกิจที่กำลังค่อยๆ เติบโต พวกเขาจึงเดินทางมาเพื่อตักตวงการเติบโตนั้นด้วยตนเอง
อีกจำนวน มองเห็นมหานครทางเหนือแห่งนี้เป็นส่วนผสมที่ลงตัว ระหว่างความเจริญและธรรมชาติ ซึ่งหาได้ยากเย็นเต็มทีในเมืองหลวงที่เติบโตอย่างไร้ทิศทางจนเกินเยียวยา พวกเขาจึงอพยพโยกย้ายมาพำนักอาศัย เรียนรู้และหล่อหลอมวิถีชีวิตให้เข้ากับความพอเหมาะพอดีที่เขามองเห็นได้นั้น
ที่เห็นชัดที่สุด น่าจะเป็นการมาและไปของนักท่องเที่ยว ผู้โหยหาภูมิประเทศและอากาศ ที่มาเป็นแพ็กเกจคู่กับคุณภาพชีวิตที่ดีในราคาย่อมเยา พวกเขาจึงเดินทางมา แสวงหาความสุข ไล่เรียงมาตั้งแต่การดื่มด่ำชื่นชมธรรมชาติของแมกไม้ขุนเขา เรื่อยไปจนถึงการกินดื่มสังสรรค์ เกิดการพบปะของหนุ่ม-สาว สาว-หนุ่ม หนุ่ม-หนุ่ม และสาว-สาว
สังเกตได้จากปริมาณการเบียดเสียดของผู้คนในฤดูเทศกาล
จำเพาะมาที่บุคลิกแบบซุปเปอร์เมือง เสียงดนตรีอึกทึกในผับบาร์ บรรยากาศริมน้ำปิงยามค่ำคืน เอื้อเฟื้ออย่างยิ่งที่จะสร้างบทสนทนาให้กับคนแปลกถิ่นกับคนในพื้นที่ เพราะบรรยากาศเช่นนี้เองก็ได้สร้างบทสนทนาให้คนในพื้นที่ด้วยกันเองจำนวนไม่น้อยมาแล้ว
ไม่แปลกและไม่ผิดหรอก นิวออร์ลีนส์ เมืองหลวงของดนตรีแจ๊ซและบลูส์ก็มีบรรยากาศแบบนั้น อาจจะแตกต่างกันบ้าง ที่ดนตรีของเขาเกิดขึ้นเพื่อตอบรับบริบทของคนผิวดำ เป็นความโหยหวนทางจิตวิญญาณของผู้คนที่ต้องอยู่อาศัยในบริเวณนั้น
จนกระทั่งการมาถึงของพายุแคททรีน่า ผมจนปัญญาที่จะจินตนาการถึงบรรยากาศของนิวออร์ลีนส์ในทุกวันนี้
เป็นความติดขัดเช่นเดียวกับเมื่อได้ยินใครสักคนบอกว่าจะย้ายไปตั้งรกรากอยู่พัทยา
พัทยาไม่ได้มีอะไรเสียหายโดยตัวมันเอง-ผมแค่จินตนาการไม่ออก ก็เท่านั้น
เมืองใหม่ในฝันของหลายๆ คน ไม่จำเป็นต้องตั้งอยู่บนแบบแผนเดียวกัน นักเขียนจนๆ อาจเฝ้าใฝ่ฝันถึงเมืองขนาดเล็กๆ ที่เงียบสงบราคาไม่แพง ขณะที่โสเภณีจนๆ ก็อาจเฝ้าฝันถึงเมืองที่นักท่องเที่ยวยินยอมพร้อมใจควักกระเป๋าจ่ายด้วยสนนราคางดงาม
สีเขียวขจีของแมกไม้ในขุนเขา อาจสวยงามเท่ากันกับเขียวของแบงค์ดอลล่าร์ในความหมายนี้
การสังวาส ไม่ว่าจะเกิดขึ้นระหว่างอะไรกับอะไร ระหว่างคนกับคน เมืองกับชนบท หรือระหว่างวัฒนธรรมกับวัฒนธรรม ไม่น่าจะใช่เรื่องเลวร้าย เพราะอย่างน้อยที่สุดมันทำให้เกิดสิ่งใหม่
ผมคิดว่ามันเป็นธรรมชาติของการมีชีวิตอยู่
เพียงแต่เสียดายที่ ‘เมือง’ โดยตัวมันเอง ไม่สามารถแหกปากส่งเสียงว่ามันต้องการหรือไม่ต้องการอะไรคงต้องเป็นภาระของคนที่ต้องส่งเสียงแทนมัน ทั้งคนที่อยู่ คนที่เพิ่งมาอยู่ และคนที่มาๆ ไปๆ
ข้อสำคัญคือ ถ้ายังไม่พร้อมมีบุตรธิดา กรุณาป้องกัน!
6 comments:
บางทีเมืองใหม่ ไม่ต้องออกไปตามหาที่ไหนหรอก มันก็คือเมืองที่เราอยู่ และเป็นอยู่ตามปกติของมัน
เพียงแต่เราหันกลับไปมองด้วยมุมมองใหม่ๆ มันอาจทำให้เมืองที่ไม่มีอะไร กลับกลายเป็นมีอะไร เป็นเมืองใหม่ ในแบบของเรา
ก็ได้
: )
แล้วถ้า "เจ้าเมือง...ที่ว่าเนี้ย" แหกปากแล้วเราๆ ได้ยินจริงๆ แล้วผู้คนจะฟังมั๊ยอ๊ะ....
เพราะขนาดบอกว่า "ถ้ายังไม่พร้อมจะมีบุตร กรุณาป้องกัน" แล้วเชื่อมั๊ยหล่ะจ๊ะ......
*.*'
คงต้องช่วยๆ กัน แหก (ปาก) ให้กว้างกว่านี้มั้ง!
^^
หวัดดีค่ะพี่โจ้
อยู่เชียงใหม่คงสบายดีนะคะ
คิดถึงค่ะ
อยู่ที่นี่ค่อนข้างสบายดี
ขอบคุณที่เป็นห่วงนะ
^^
ไม่เจอพี่นานแล้ว ยังแอบหวังว่าจะจำกันได้
Post a Comment