Thursday, January 22, 2009

ทะลุหูขวา (20): artist: IAN CURTIS


พิมพ์ครั้งแรกในนิตยสาร HIP ฉบับธันวาคม 2551

IAN CURTIS

Ian Kevin Curtis มีชีวิตอยู่ในช่วง เดือนกรกฎาคม 1956 ถึงพฤษภาคม 1980 สิริรวมอายุได้ 23 ปี เขาเป็นนักร้องและรับหน้าที่เขียนเนื้อร้องให้กับ Joy Division พวกเขาออกสตูดิโออัลบั้มมาได้สองชุด หลังจากการฆ่าตัวตายของ Curtis สมาชิกที่เหลือก็รวมตัวกันในนามวง New Order และปิดฉาก Joy Division ไปอย่างสมบูรณ์

หลังจากที่ Curtis เสียชีวิต นักวิจารณ์และแฟนเพลงต่างยังคงพูดถึงเพลงของเขา พยายามคุ้ยหาแรงขับดันที่ส่งผลไปสู่ตัวงาน ข่าวลือต่างๆ นานาเกี่ยวกับการฆ่าตัวตายสะพัดไปทั่ว และกลายเป็นตัวเร่งให้ผู้คนสนใจผลงานและปัญหาส่วนตัวของเขามากขึ้น

Ian Curtis เกิดที่ Old Trafford, Manchester ประเทศอังกฤษ (คอบอลน่าจะรู้จักดี) เขาสนใจบทกวีมาตั้งแต่เด็ก แม้จะเคยได้ทุนเพื่อเข้าเรียนที่โรงเรียน King’s School แต่ก็ไม่เคยประสบความสำเร็จทางด้านการเรียน จนเมื่อโตขึ้น ความสนใจในศิลปะ วรรณกรรม และดนตรีก็พวยพุ่ง โดยเฉพาะดนตรี เพลงของเขาได้รับอิทธิพลโดยตรงมาจากนักเขียน William Burrough, J.G.Ballard และ Jeseph Conrad (ได้แก่เพลง Interzone, Atrocity Exhibition และ Colony ตามลำดับ) ส่วนในสายดนตรี Curtis ก็นิยมชมชอบ David Bowie, Iggy Pop และ Jim Morrison แห่ง The Doors ซึ่งเป็นวงโปรดของเขา

Curtis แต่งงานกับ Deborah Woodruff เพื่อนร่วมโรงเรียน ตอนนั้นเขาอายุ 19 และ Deborah อายุ 18 สถานะการแต่งงานของทั้งคู่ดำรงอยู่จนถึงวาระสุดท้าย พวกเขามีลูกสาวด้วยกันหนึ่งคนชื่อ Natalie

ช่วงชีวิตที่อยู่กับ Joy Division เขาเป็นที่เลื่องลือในหมู่คนทั่วไปว่าเป็นคนเงียบและชอบมีพฤติกรรมแปลกๆ รวมถึงการเคลื่อนไหวบนเวทีที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวแบบที่ไม่มีใครเหมือน ท่าเต้นของเขาชวนให้นึกถึงอาการของคนเป็นโรคลมบ้าหมูที่เขาเป็นอยู่ หลายครั้งคนดูก็แยกไม่ออกว่านั่นเป็นการแสดงหรือเป็นท่าเต้นกันแน่ ซึ่งในหลายๆ การแสดง Curtis ก็ถูกหามออกไปจากเวทีเพราะอาการป่วยกำเริบจริงๆ

เนื้อเพลงของ Curtis พวยพุ่งไปด้วยจินตนาการและอารมณ์ความรู้สึกที่โดดเดี่ยว มีกลิ่นอายของความตาย ความแปลกแยก และความเน่าเฟะของสังคมเมือง ครั้งหนึ่งเขาเคยให้สัมภาษณ์ว่าเขาเขียนถึง “วิธีการแก้ปัญหาต่างๆ ที่ไม่เหมือนกัน ของคนแต่ละคนที่แตกต่างกัน ซึ่งแต่ละคนเหล่านั้นอาจจะดัดแปลงหรือไม่ดัดแปลงให้เหมาะสมกับตัวเอง”

โดยปกติ Curtis เป็นคนพูดเสียงเล็ก แต่ร้องเพลงเสียงใหญ่ บางครั้งก็เล่นกีตาร์ในบางเพลง ในตอนแรกเขาใช้กีตาร์ Shergold Masquerader ของ Bernard Sumner แต่ต่อมาเขาก็มีกีตาร์ Vox Phamtom Special VI เป็นของตัวเอง ซึ่งภายหลัง Sumner ก็รับช่วงมรดกกีตาร์ตัวนี้ต่อมา และใช้บันทึกเสียงให้กับ New Order ในช่วงแรกๆ

Curtis แสดงสดครั้งสุดท้ายในวันที่ 2 พฤษภาคม 1980 ที่มหาวิทยาลัย Birmingham ซึ่งเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่ Joy Division ได้เล่นเพลงใหม่ Ceremony ร่วมกัน (และต่อมาเพลงนี้ถูกนำมาเป็นซิงเกิ้ลแรกของ New Order) จนช่วงเวลาหนึ่งของเช้าวันที่ 18 พฤษภาคม Curtis ตัดสินใจแขวนคอตายในครัว หลังจากที่นั่งดูหนังเรื่อง Stroszek ของ Werner Herzog (ผู้กำกับภาพยนตร์ชาวเยอรมัน) และฟังอัลบั้ม The Idiot ของ Iggy Pop

ป้ายหลุมศพของเขาที่สลักว่า “Ian Curtis 18-5-80” และ “Love Will Tear Us Apart” ถูกขโมยไปจากหลุมฟังศพของเขาในสุสาน Cheshire เมื่อเดือนกรกฎาคม 2008 ที่ผ่านมา

แม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานสักเท่าไร แต่ชีวิตของ Ian Curtis ก็ได้รับการระลึกถึงอยู่เสมอ ทั้งจากวงดนตรีอย่าง New Order (เพื่อนๆ ของเขาเอง) ในเพลง I.C.B. ซึ่งย่อมาจาก Ian Curtis Bereaved และเพลง Elegia, U2 (เพลง A Day Without Me), Orchestral Manoeuvres in the Dark (เพลง Statues), Psychic TV (เพลง I.C.Water), Thursday (เพลง Ian Curtis), Xie Xie (เพลง Ian Curtis Wish List) หรือกระทั่ง Robert Smith แห่ง The Cure ก็อุทิศเพลง Primary ให้กับ Curtis ด้วย

การระลึกถึงเขายังลามเลยไปถึงแวดวงศิลปะ เมื่อ Glenn Brown (ศิลปินชาวอังกฤษ) วาดภาพชื่อ Exercise One (1995) และ Dark Angel (2002) โดยได้รับแรงบันดาลใจจากเขาและ Chris Foss (นักวาดภาพประกอบและนักเขียนนิยายวิทยาศาสตร์) รวมไปถึงกำแพงบนถนน Wall Street ที่นิวซีแลนด์ที่ปรากฏคำว่า “Ian Curtis Lives” หลังจากที่เขาเสียชีวิตไปไม่นาน ซึ่งไม่ว่าจะถูกลบไปเมื่อไหร่ ก็จะมีคนไปเขียนใหม่ทุกครั้ง จนขยับขยายไปที่อีกกำแพงบนถนนเดียวกันที่มีข้อความว่า “Ian Curtis R.I.P. Walk In Silence 1960-1981” ซึ่งต่อมากำแพงทั้งสองถูกเรียกว่า The Ian Curtis Wall (นี่ยังไม่รวมถึงแฟนๆ ปีศาจแดงที่ร้องเพลง “Giggs will tear you apart” โดยใช้ทำนองเดียวกับเพลง “Love will tear you apart” อีกด้วย)

ล่าสุดเมื่อปี 2007 ช่างภาพและผู้กำกับเอ็มวี Anton Corbijn กำกับภาพยนตร์ขาวดำเรื่อง Control ที่สร้างขึ้นจากหนังสือของ Deborah Curtis ชื่อ Touching from a Distance หนังสือเล่มนี้ถึงช่วงเวลาและรายละเอียดต่างๆ ในชีวิตของสามีเธอ

8 comments:

Anonymous said...

when the routine bite hard
and ambitions are low..
มันวนเวียน วนเวียนอยู่ในหัวตลอดเลยตอนนี้
นักแต่งเพลง(หรือนักต่างๆ ที่เกี่ยวกับเพลง)
นี่มีบุญจริงๆ
บอกมันออกมาในเพลงได้..

Anonymous said...

สาระดีๆๆขอบใจมากเลยมีความรู้มาอีกนิดอะคับ

Anonymous said...

ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ

Anonymous said...

พี่โจ้ครับ ตัวละคร Eric Draven ในเรื่อง the Crow (ที่ Brandon Lee แสดงในเวอร์ชั่นหนัง)
บุคคลิกบางส่วนก็นำมาจาก Ian Curtis ด้วยครับ ทั้งการชักกระตุก การแสดงอาการเจ็บปวดเวลานึกถึงอดีตที่ตนและแฟนสาวถูกฆ่า

มาช่วยเสริมครับอิอิ :)

ป.ล. ไม้ขีดไฟเยอะมาก จุดหุงข้าวดีกว่า

Anonymous said...

ขอบคุณมากท็อป
มีความรู้อะไรอีกก็ช่วยๆ กันเพิ่มเติมได้เลยนะ
^^

ปล มีไม้ขีดแล้วก็เลือกจุดให้ดีๆ

kissikisskiss said...

หนูอยากได้ Poster ในห้องน้ำแผ่นนั่น ชอบบบบบบบบบบบบ ประทับใจไม่ลืม

วชิรา said...

ไว้แกะแล้วจะให้นะ

^^

Anonymous said...

ผมชอบทุกอัลบั้ม ของ Joy Division พวกเขาเป็นแรงบันดาลใจให้ผมแต่งเพลงของผม