Tuesday, May 5, 2009

สุภาพบุรุษ? : FFW MAIL

ลังเลอยูสักพักว่าจะโพสต์เรื่องนี้ดีไหม เพราะไม่อยากถูกลากเข้าไปเกี่ยวกับสงครามสีที่ระบาดอยู่ในบ้านเมืองเรา แต่สุดท้ายก็...อย่างที่เห็น

ยืนยันอีกครั้งว่านี่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่อง การเมือง หรือเรื่อง การแบ่งสี ใดๆ ทั้งสิ้น

พอได้เห็นฟอร์เวิร์ดเมลนี้ก็รู้สึกสะท้อนใจเรื่องท่าทีของการต่อสู้ บนสมมติฐานว่าคงเป็นเรื่องระหว่างสองฝ่ายที่เป็นอริกัน

อริ ที่เป็น 'ศัตรู'

ผมไม่รู้จริงๆ ว่ารองเท้าแตะที่ถูกส่งมาทางอีเมลนี้พร้อมหัวเรื่องว่า "มีกันหรือยัง..รองเท้า in trend ตอนนี้" มีจำหน่ายหรือจ่ายแจกกันจริงๆ หรือไม่ ถ้ามี ก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครเป็นคนทำ และทำขึ้นมาเพื่อจุดประสงค์ใด แต่เมื่อมองในมุมของการต่อสู้ก็รู้สึกว่านี่เป็นการต่อสู้ในแบบที่ไม่น่าสนใจ เพราะมองไม่เห็นความหมายอื่นนอกจากการเหยียบย่ำดูถูก

ผมคิดว่าศัตรูก็ควรได้รับเกียรติในการต่อสู้ ไม่ว่าเขาจะมีเกียรติหรือไม่ก็ตาม เพราะไม่ว่าจะอย่างไร เขาก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง ที่โดยพื้นฐานแล้วนั้น เราต่างมีศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์เท่าๆ กัน

ไม่เกี่ยวกับรวยหรือจน ไม่เกี่ยวกับเป็นนักการเมืองหรือชาวบ้าน หรือไม่เกี่ยวกับหน้าตาหล่อ (สวย) หรือขี้เหร่

นึกถึงการต่อสู้ของซามูไรในสมัยก่อน ที่ต่อสู้กันตามกติกา โดยให้เกียรติผู้แพ้ แม้จะเป็นผู้ชนะ
นึกถึงกษัตริย์ในหนังเรื่อง Troy (กำกับโดย Wolfgang Petersen) ที่เมื่อลูกชายสุดที่รักพ่ายแพ้ในดวลแบบตัวต่อตัว และต้องบากหน้าเสี่ยงอันตรายไปหา Achilles ตามลำพังเพื่อขอเอาศพลูกชายกลับไปทำพิธี และ Achiless ก็เข้าใจ

ผมเชื่อเอาเองว่า ศัตรู ในชีวิตคนเรานั้นไม่น่าจะมีมาก (แม้ว่าเราจะอยู่ในโลกที่ใครๆ ก็ต่างต้องเอาชนะคนอื่น) ซึ่งถ้าจะว่ากันอย่างถึงที่สุด เราอาจไม่มีศัตรูจริงๆ เลยก็ได้ นอกจากตัวเราเอง แต่ถ้าจำเป็นต้องมี ผมก็คิดว่าการมีศัตรูเปรอะไปหมดก็ไม่น่าจะใช่เรื่องดี

ว่ากันว่า มิตร นั้นต้องคู่ควร ผมคิดว่า ศัตรู ก็เช่นเดียวกัน

การต่อสู้เพื่อความถูกต้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อความถูกต้องของคนหมู่มากในสังคมนั้นเป็นเรื่องที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งที่มนุษย์สามารถกระทำเพื่อคนอื่น ผมไม่มีเหตุผลอะไรจะคัดค้าน ไม่ว่าจะในระดับย่อยแถบละแวกบ้าน หรือใหญ่โตในระดับประเทศ

แต่ช่วยสู้กันอย่าง สุภาพบุรุษ (หรือสุภาพสตรี) จะได้หรือไม่? เราจะได้ไม่ต้องคอยอ่านหรือฟังการโจมตีโดยใช้เงื่อนไขของเรื่องศีลธรรมโง่ๆ มาเอาชนะกันว่าใครดีกว่าใคร

ทั้งระดับกระซิบนินทา หรือในระดับการให้ข่าวสารในพื้นที่สาธารณะ

ใครจะโกง จะชั่ว จะคอรัปชั่น ก็ช่วยอธิบายกันให้กระจ่างแจ้ง แต่ดูตอนนี้จะไม่ค่อยมีใครสนใจ เนื้อหา ในเชิง การงาน เท่าไหร่นัก (เรายกภาระนี้ให้นักวิชาการ?) ทั้งที่มันเป็นสาระสำคัญในการเคลื่อนตัวไปข้างหน้าของสังคม

หนำซ้ำยังเป็นสาระสำคัญของการต่อสู้เรียกร้องไม่ใช่หรือ

เพิ่งอ่านบทสัมภาษณ์คุณกษิต ภิรมย์ ใน Esquire (ฉบับเดือนเมษา 2009 หน้า 138) ช่วงเริ่มบทสัมภาษณ์มีข้อความที่เขียนบอกว่าเป็น 'บางส่วนของการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2552' ข้อความนั้นอ่านว่า...

"คงจะสืบเนื่องคำกล่าวให้สัมภาษณ์ของคุณทักษิณจากต่างประเทศ ตั้งแต่ผมเข้าสู่แวดวงการเมืองมาสี่ห้าปี เป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ก็ดี หรือขึ้นไปอยู่บนเวทีพันธมิตรก็ดี สิ่งหนึ่งที่ตั้งใจอยู่ตลอดเวลา คือการพูดอะไรที่เป็นสาระเนื้อหา หรือเป็นคำพูดที่เกี่ยวกับอุดมการณ์ พูดเรื่องเกี่ยวกับความชอบธรรม หรือจะวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของระบอบทักษิณก็ดี ต่างๆ เหล่านี้ก็เพื่อให้เห็นความต่าง ว่าผมไม่เห็นด้วยอย่างไร ไม่ได้มีเจตนาและความมุ่งมั่นในการโจมตีเรื่องส่วนตัว ผมมีความเป็นลูกผู้ชายเพียงพอที่จะไม่เล่นกันใต้สะดือ ไม่เคยกล่าวโจมตีคุณทักษิณในเรื่องส่วนตัวเลย ทุกสิ่งทุกอย่างโยงไปได้เกี่ยวกับการทำงานในระบอบทักษิณที่ปกครองประเทศเป็นเวลาหลายปี ทั้งในเรื่องที่ผมเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ตลอดเวลาที่ทำงานกับคุณทักษิณในปี 2545"

ผมไม่ได้ติดตามการปราศัยของคุณกษิต ก็เลยไม่ทราบว่าเป็นจริงอย่างที่เขาพูดหรือไม่ แต่บนสมมติฐานว่าสิ่งที่คุณกษิตพูดมานั้นเป็นความจริง ผมก็คิดว่านี่เป็นการต่อสู้ที่รื่นรมย์ไม่น้อยเลย

วชิรา
(ไม่เกี่ยวกับสี)

ปล ขอบคุณ Esquire ครับ ^^

4 comments:

freeda13 said...

โหพี่ แมนมั๊กมากจากบทความที่เขียน

คิ้ม said...

รองเท้าแรงเกิ๊นนน...

sunny said...

แรงเกินไป.. รองเท้า
ไม่น่าเลย...
เราน่าจะ
"ไม่ชอบหน้า อย่างมีมารยาท" ได้นะครับ
รึยังไง?

Anonymous said...

อืมอีลุงนี่คิดดี

อยากให้มีคนคิดแบบนี้เยอะๆจัง